วันอังคารที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2555

2. เตรียมกาย เตือนใจ รับมือภัยพิบัติ 2012 / 30 ตุลาคม 2553

เตรียมกาย เตือนใจ รับมือกับภัยพิบัติ 2012

รวบรวม เรียบเรียง โดย นายมงคล กริชติทายาวุธ
อดีต Senior Vice President บมจ.ธนาคารกรุงไทย
และ ผู้อำนวยการหลักสูตรวิปัสสนากรรมฐาน
เจ้าของเว็บไซต์ mongkoldham.com
และ ที่ปรึกษาสมาคมค้นคว้าทางจิตแห่งประเทศไทย
วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม 2553
ณ โรงแรมรัตนโกสินทร์

เนื้อหารวบรวมเรียบเรียงข้อมูลบางส่วนจาก

1. .ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน นายกสมาคมค้นคว้าทางจิตแห่งประเทศไทย ศิษย์เก่าดีเด่นของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ผู้ศึกษาเกาะติดและติดต่อมนุษย์ต่างดาวได้
2. .ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้ได้รับการประกาศเกียรติคุณในหอเกียรติยศของ องค์การนาซ่า ว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นชั้นนำของโลก
3. ดร.สมิทธิ์ ธรรมสโรช อดีตผู้อำนายการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ
4. พระธรรมโกษาจารย์ อธิการบดีมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย
5. คุณอนุรุธ ว่องวานิช นากยกยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยฯ
6. .ปริญญา ตันสกุล ผู้สามารถติดต่อกับจิตจักวาลได้
7. ท่าน พ.ธรรมรังสี ผู้ที่เคยพยากรณ์ก่อนปี 2547 ว่าจะเกิดคลื่นยักษ์ และ ทำให้คนตายเป็นแสน ฝั่งทะเลอันดามัน และได้บอกแก่ คุณหญิงคุณหมอพรทิพย์ฯ ในเดือนกันยายน 53 ว่าในเดือนตุลาคม 53 จะเกิดนํ้าท่วมใหญ่ในไทย โดยการถามของ คุณแทนคุณฯ ที่ยุวพุทธิกสมาคมฯ ในช่วงที่ไม่มีสัญญาณเตือนจากฝ่ายใดๆมาก่อน ว่าจะมีนํ้าท่วมใหญ่ ในเดือนตุลาคม 53
8.นายไมเคิล กอร์ดอน สกัลเลี่ยน เป็นผู้ที่ตายแล้วฟื้น กลายเป็นผู้หยั่งรู้เหตุการณ์ในอนาคต

ความรู้ทางวิทยาศาสตร์

จากการศึกษาร่วมกันของ นักวิทยาศาสตร์ทางจิตจำนวนหนึ่ง กับ กลุ่มนักธรณีวิทยา นักอุตุนิยมวิทยา นักภูเขาไฟ นักวิทยาศาสตร์ และ นักดาราศาสตร์ พบว่า

โลก อาจจะได้พบกระบวนการเคลื่อนตัวอย่างรุนแรงของขั้วแม่เหล็กโลก ในปี ค.. 2012 และ อาจจะเผชิญการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็ก (Magnetic Pole Reversal) ในปี 2017 หรือ 2018 ซึ่งจะมีผลทำให้โลก ณ ขณะเวลานั้น จะสูญเสียอำนาจแห่งแรงดึงดูดอย่างสิ้นเชิง ซึ่งถ้าหากปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้น ควบคู่ไปพร้อมกับ การเกิดจุดดับของดวงอาทิตย์ และ เมื่อมีพายุสุริยะมาถึงโลกเราแล้ว ปัญหาอันใหญ่ยิ่ง คือ

1. ระบบภูมิคุ้มกันโรค ในบรรดาสัตว์และมนุษย์ จะอ่อนแอลงอย่างมาก
2. โลก จะประสบกับการเพิ่มความถี่ของ การเกิดภูเขาไฟระเบิด, การเคลื่อนตัวของเปลือกโลก, แผ่นดินไหวอย่างต่อเนื่อง, แผ่นดินถล่ม, โคลนถล่ม, แผ่นดินยุบตัว, ที่จะมีสูงขึ้นมากกว่าปกติหลายเท่าตัว
3. สภาวะความเป็นแม่เหล็ก (Magnetosphere) ของโลก จะอ่อนตัวลง
4. กลุ่มเทหวัตถุในอวกาศขนาดใหญ่ จะถูกดึงดูดเข้ามายังโลกอย่างมากมาย จนดูประหนึ่ง มีไฟบรรลัยกัลย์ ตกมาจากท้องฟ้า
5. แรงดึงดูดของโลก จะประสบกับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งไม่มีใครรู้ว่ามันจะเปลี่ยนแปลงไป อย่างไร ขนาดไหน แต่ขั้วแม่เหล็กโลกเคลื่อน ค่อนข้างแน่ ในปี 2012 และ อาจมีระดับถึงการกลับขั้ว ในปี 2017-2018

ข้อมูลบางส่วนจาก ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน

ท่านบอกว่า มนุษย์ต่างดาว ชื่อ พาราซิทัล จากดาวอังคาร ได้บอกล่วงหน้าว่า ในที่สุด ประเทศไทย จะกลับไปสู่สภาพเดิมเหมือนแต่ก่อน คือ แผ่นดิน จะเหลือ 3 ส่วน จาก 5 ส่วน หลายส่วน จะไปอยู่ใต้นํ้าทะเลถาวร

บริเวณที่ไม่จมนํ้าหายไป คือ ตรงส่วนบนอีสาน และ ส่วนที่หายไป คือ ภาคกลาง เกือบทั้งหมด รวมทั้ง กรุงเทพและปริมณฑล และ ภาคใต้ตอนล่างบางส่วน

โดยเหตุการณ์ที่ว่านี้ น่าจะเกิดขึ้นใน 7-8 ปีข้างหน้า นับแต่ปี 2553 (ปี 2560-2561)

มนุษย์ต่างดาว ให้ข้อมูลภาพเกี่ยวกับโลก ว่า ในวันที่ 21 ธันวาคม 2012 (..2555) อาจจะเกิดปรากฎการณ์ในอวกาศครั้งใหญ่ ในวันนั้น ดวงอาทิตย์ จะส่งแสงวาบเจิดจ้าออกมา จากการเกิดระเบิดที่รุนแรง สิ่งมีชีวิตจำนวนมาก จะได้เห็นแสงเจิดจ้านี้ทั่วหน้ากัน โลกของเรา จะปั่นป่วนด้วย พายุสุริยะ อีกทั้ง แสงอาทิตย์ ก็จะร้อนจัดมาก ในวันนั้น

คำทำนายของ มนุษย์ต่างดาว ที่ว่าจะเกิดอาเพศขึ้นทั่วโลกในวันนั้น จะเป็นจริงหรือไม่ แต่น่าแปลกที่ว่า วันที่ 21 ธันวาคม 2012 นั้น เป็นวันสุดท้ายในปฏิทินของ ชาวมายา และ นักดาราศาสตร์ คาดว่า จะเกิดจุดดับในดวงอาทิตย์ และน่าจะเกิด พายุสุริยะ ในช่วงดังกล่าว (สถานการณ์น่าจะรุนแรงน้อยกว่า ปี 2017 - 2018 แต่ก็น่าจะเสียหายมากพอควร)

ข้อมูลบางส่วนจาก ศ.ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา

ท่านยืนยันว่า จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก สรุปได้ว่า จะเกิดขึ้นประมาณปี 2560 - 2561 หรือ อีก 7 - 8 ปี (นับจากปี 2553) นั่นคือ จะมีเหตุการณ์ที่เป็นภยันตรายร้ายแรงเกิดขึ้น ในโลกมนุษย์ของเรา ท่านย้ายไปตั้งหลักปักฐาน ที่ลพบุรีตอนบนแล้ว (ชัยบาดาล) = มีชัยเหนือบาดาล

จากปัญหาโลกร้อน ปริมาณนํ้าแข็งมีการละลายมากขึ้น และในที่สุด ก็ไหลลงทะเล และมหาสมุทร ซึ่งพื้นที่ทะเลและมหาสมุทร แม้จะมีมากกว่าส่วนที่เป็นพื้นดิน แต่เผอิญ นํ้าทะเลทั้งหมด มิได้มีปริมาณที่เท่ากันทุกมหาสมุทร แต่ไปถ่วงด้านหนึ่งมากขึ้น โลกอีกด้านหนึ่งมีน้อยกว่า เมื่อนํ้าทะเลไปถ่วงด้านหนึ่งมากขึ้น ก็เกิดสภาวะไม่สมดุล เป็นเหตุให้โลกแกว่งตัวผิดปกติ มีผลทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของแผ่นเปลือกโลก แผ่นเปลือกโลกปรับตัวครั้งใด ก็จะเกิดแผ่นดินไหวในครั้งนั้น ๆ แผ่นเปลือกโลกจะมีรอยร้าวมากขึ้น ขั้วแม่เหล็กโลกก็จะเคลื่อนตัวไปด้วย

คาดว่าในอนาคตอันใกล้ ในช่วงชีวิตของคนรุ่นเราน่าจะได้เห็น คือ ไม่เหลือ เกาะภูเก็ต ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ ชิลี เม็กซิโก และ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย อีกต่อไป สําหรับ ยุโรป จะหายไปบางส่วน ขณะนี้ โลกพร้อมแล้วที่จะเกิดมหันตภัยใหญ่ เพียงแต่ยังไม่มีผู้ใดทราบแน่นอนว่า จะเกิดเมื่อไรเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบกันแล้ว ประเทศไทย ยังมีความปลอดภัยมากกว่าประเทศอื่นๆ อีกมาก
ภาคใต้ และ ภาคกลาง จะจมหายไป บางส่วน
ภาคตะวันตก ถึง ภาคเหนือ จะมีแผ่นดินไหว บ่อยครั้งขึ้น และจะมีแผ่นดินไหว ถึงขนาด 6 ริคเตอร์  ใน ภาคเหนือ
หากจะอยู่ใน ภาคเหนือ จะต้องให้วิศวกรโครงสร้าง คำนวณความทนทานของสิ่งปลูกสร้าง ให้มากกว่า 6 ริคเตอร์ ก็พอจะอยู่ได้ แต่ต้องไม่มีอาคารสูงกว่าอยู่ใกล้ เพราะอาจพังทับบ้านเราลงมาได้
แต่บริเวณแถบ กาญจนบุรี จะต้องให้วิศวกรโครงสร้าง คำนวณความทนทานของสิ่งปลูกสร้าง ให้มากกว่า 7 ริคเตอร์ เพราะใกล้ รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ และ รอยเลื่อนด่านเจดีย์สามองค์ รวมทั้ง รอยเลื่อนสะแกง ในพม่า พื้นที่บริเวณนี้ จะมีแรงสั่นของแผ่นดินไหว มากกว่าในภาคเหนือ

นับแต่นี้ไป ลมพายุ จะแรงมากขึ้น จะมีทั้ง พายุไต้ฝุ่น เฮอริเคน และ ไซโคลน สลับหน้าเข้ามาถล่มที่อยู่อาศัยของมนุษย์เรา จำนวนมากขึ้น ให้ติดตามข่าวต่างประเทศบ่อยๆ เพื่อเตรียมกาย เตือนใจ รับภัยพิบัติ

เปลือกโลก กำลังเคลื่อนตัวเร็วขึ้น ในอนาคต จะมีทั้ง แผ่นดินจมหาย และ แผ่นดินเกิดใหม่ ประเทศไทย จะสูญเสีย ภาคใต้บางส่วน แต่ภาคกลาง สูญเสียหนักมากกว่า

สําหรับ เกาะฮาวาย จะใหญ่มากขี้น นิวซีแลนด์ และ ออสเตรเลีย จะใหญ่มากขึ้น เพราะมีแผ่นดินโผล่ขึ้นมาใหม่

ขั้วโลกเหนือ และ ขั้วโลกใต้  ปัจจุบัน นํ้าแข็งละลายเร็วในปริมาณสูง จะทำให้ปริมาณนํ้าทะเลทั่วโลก สูงมากกว่าก่อนหน้านี้ ในเมืองไทย ให้สังเกตบริเวณ ชายทะเลบางขุนเทียน หรือที่ สมุทรปราการ ให้สังเกต โรงเรียนขุนสมุทรจีน พื้นที่ในปัจจุบัน จมหายไปจากชายทะเลเดิม นับเป็นกิโลเมตรแล้ว ตื่นมารับรู้การเปลี่ยนแปลงกันได้แล้ว

ปริมาณหิมะที่ปกคลุมยอดเขาหิมาลัย ละลายไปเป็นจำนวนมาก จนปรากฏในหลายพื้นที่ ไม่มีหิมะให้เห็นที่หิมาลัย หิมะบนบอดเขาหิมาลัยนั้น เป็นต้นกำเนิด แม่นํ้าโขง แม่นํ้าคงคา แม่นํ้าแยงซีเกียง ฯลฯ ในอนาคตอันใกล้ จะมีถึง 5 เดือน ใน 1 ปี ที่แม่นํ้าโขงจะแห้ง ขนาดเดินข้ามไป ประเทศลาว ได้โดยไม่ต้องใช้สะพาน หรือ เรือข้ามฟาก แต่ในช่วง 7 เดือน ที่มีนํ้า ก็อาจเกิดภาวะนํ้าท่วมล้นริมฝั่งโขงได้ เป็นสภาวะผันผวนที่รุนแรง ที่จะได้พบเห็นกันในไม่นานนับจากนี้

สำหรับ ยอดเขาคีรีมันจาโร ซึ่งเป็นภูเขาสูง และ เคยมีหิมะปกคลุมตลอดปี เป็นต้นกำเนิดแม่นํ้าหลายสายใน อัฟริกา ก็เริ่มเกิดภาวะวิกฤติ ในปัญหาขาดแคลนนํ้าจืด ที่มาจากการละลายของหิมะเร็วมาก บางคราว หิมะละลายมากเกินไป จนมีนํ้าท่วมมาก บางคราว ขาดแคลนนํ้า ขนาดแม่นํ้าอะเมซอน ที่เคยมีนํ้าเต็มตลอด เกิดการแห้งขอดในช่วงที่ผ่านมา

ต่อไป จะมีการทำสงครามแย่งชิงนํ้าจืดกัน ศีลธรรมของคนจะเลือนหายไป ความเห็นแก่ตัวจะมากขึ้น นักการเมืองจะบ้าอำนาจมากขึ้น

ภายใน 7 – 8 ปีข้างหน้า นับจากปี 2553 ประมาณปี 2560 - 2561 คาดว่า ภาคกลาง จะจมหาย กลายเป็นพื้นนํ้าทะเลถาวร นครปฐม จะรอดเพียงครึ่งจังหวัด สระบุรี ก็รอดครึ่งหนึ่ง เป็นพื้นที่ชายทะเลใหม่ เหมือนกับ นครนายก และ ลพบุรี รอดประมาณครึ่งจังหวัด ในบริเวณที่สูง

ภาคอีสาน จะมีความปลอดภัยสูงกว่าภาคอื่นๆ นั่นคือ ตั้งแต่ สระบุรีตอนบน ลพบุรีตอนบน ขึ้นไปทางอีสาน ให้ระวัง แถวท่าแขก ช่วงนครพนม กับ หนองคาย มากหน่อย อาจเกิดแผ่นดินไหว เพราะมีรอยเลื่อนของเปลือกโลกบริเวณนั้น ในส่วนริมฝั่งโขง ก็ต้องระวัง ลมพายุใหญ่ อาจพัดเข้ามาทำความเสียหายที่อยู่อาศัยริมฝั่งโขงได้

ระบบการเงินในอนาคต จะมีปัญหาใหญ่ มูลค่าจะลดลงอย่างมาก สถาบันประกันเงินฝาก จะรับประกันเงินฝากของประชาชน ในแต่ละสถาบัน หรือ แต่ละธนาคาร จะฝากแยก กี่บัญชี กี่สาขา ก็ตาม ในหนึ่งหมายเลขบัตรประชาชนของผู้ฝากเงิน 1 รายในสถาบันการเงินนั้นๆ จะรับผิดชอบคืนเงินฝากให้แก่ผู้ฝากแต่ละราย ไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยจะมีผลในวันที่ 11 สิงหาคม 2555 เป็นต้นไป

จะอยู่อาศัยที่ใดก็ตาม อย่าหวังพึ่งปัจจัยภายนอกมากนัก ต้องหาทางพึ่งตนเองในที่อยู่อาศัยของตนเองให้มาก ปลูกพืชผักผลไม้ให้หลากหลายประเภท รวมทั้งพืชสมุนไพรต่างๆ เวลามีภัยใหญ่ๆมา ท่านและครอบครัว จะไม่เดือดร้อนมากจนเกินไป

ตัวอย่างชุมชนภายในโรงเรียนสัตยาไสย ที่ ลำนารายณ์ ชัยบาดาล ลพบุรี ที่ ดร.อาจองฯ เป็นผู้บริหารสูงสุดอยู่ในปัจจุบัน แม้อยู่สูงกว่าระดับนํ้าทะเลไม่มากนัก คือ ประมาณ 45 เมตร แต่เชื่อว่า นํ้าทะเลไม่ถึงแน่ โดยภายในโรงเรียน เน้นการพึ่งตนเอง ทั้งการปลูกข้าว ปลูกพืชชนิดต่างๆ การขุดบ่อกักเก็บนํ้า ไว้ใช้ได้ตลอดปี ในช่วงที่อื่น ๆ ขาดแคลนนํ้า แต่ที่โรงเรียน มีนํ้าสมบูรณ์ มีการผลิตไฟฟ้าใช้เอง ผลิตจากพลังชีวะมวล ผลิตจากไบโอดีเซล ผลิตจากแสงอาทิตย์ ผลิตจากพลังลม ผลิตให้มีใช้ได้อย่างพอเพียง และ เผื่อแผ่ไปในหมู่บ้านเดียวกันได้ด้วย

ที่ โรงเรียนสัตยาไสย จะสอนนักเรียนประจำกินนอน ตั้งแต่ชั้นประถม 1 ถึงมัธยมปีที่ 6 เน้นคุณธรรมนำหน้า วันหนึ่งๆ จะมีการฝึกทำสมาธิ วันละ 9 ครั้ง มีการฝึกปีนเขา ในกรณีมีปัญหานํ้าท่วมหนัก ให้เด็กทุกคน มีสติ หาสถานที่ปลอดภัยยิ่งกว่า ไว้ก่อนเสมอ

ฝึกให้เด็กทุกคน มีจิตเมตตา ฝึกให้แผ่เมตตา เป็นประจำทุกวัน ฝึกให้มีจิตอาสา สำหรับในการปลูกข้าว ฝึกให้เด็กแผ่เมตตากับต้นข้าวทุกวัน ผลปรากฏว่า ใน 1 ไร่ ได้ผลผลิตประมาณ 1,200 กิโลกรัม ในขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่เดียวกัน ได้ผลผลิต ใน 1 ไร่ประมาณ 700 - 800 กิโลกรัม เท่านั้น

ในการแผ่เมตตาให้ต้นไม้นี้ มีการทดลองโดยนิสิตจุฬามาแล้ว โดยการทดลองปลูกต้นดาวเรือง ที่ควบคุม อุณหภูมิ นํ้า และ แสงแดด ให้เหมือนกันหมด โดยแบ่งเมล็ดพันธุ์ที่เพาะในเบื้องต้นออกเป็น 2 แปลง จำนวนเท่าๆกัน แปลงทดลอง ให้แยกมาให้นิสิตแผ่เมตตา เป็นประจำทุกวัน ปรากฏผลในระยะเวลาที่เท่ากัน โดยปัจจัยแวดล้อมภายนอก คือ นํ้า และ แสงแดด เหมือนกันหมด
แปลงที่ได้รับการแผ่เมตตา โตเร็วกว่ากันมาก ออกดอกสวยงาม ลำต้นสูงกว่าแปลงที่ปลูกตามปกติ โดยเฉลี่ยถึง 49.2% ดังนั้น พอที่จะสรุปได้ว่า พลังแผ่เมตตามีความสําคัญมาก โลกจะสงบร่มเย็นได้
แม้ภัยพิบัติ ก็จะคลาดครา หรือ ไม่เกิดขึ้นในห้วงเวลา ดังกล่าว หากทุกคนในโลก ไม่แก่งแย่งเบียดเบียนกัน ไม่ทำร้ายหํ้าหั่นกัน ทุกอย่างที่ไม่พอใจ ให้อภัยแก่กัน และ แผ่เมตตาต่อกันด้วยใจจริง
สําหรับ ผู้ที่แผ่เมตตาเป็นประจำ ด้วยความจริงใจ ย่อมมีพลังในตนเองสูง แม้สัตว์ร้ายก็ไม่กล้าทำอันตราย และ มักจะแคล้วคลาดจากอันตราย

ปัจจุบัน องค์การนาซ่า เตรียมดำเนินการสร้างสถานีอวกาศขนาดใหญ่ สำหรับรองรับ ชนชั้นผู้นำ ชนชั้นมันสมอง ชนชั้นมหาเศรษฐีของโลกแล้ว รวมทั้ง ทดลองปลูกพืชผลในสถานีอวกาศแล้ว

ปัจจุบัน เนเธอร์แลนด์ ทดลอง ก่อสร้างบ้านอยู่อาศัยบนแพ สร้างตลาด สร้างอาคารขนาดใหญ่บนแพ ปลูกพืชไร่ พืชสวน และ ทำนา เลี้ยงสัตว์ บนแพขนาดใหญ่แล้ว

ปัจจุบัน เวียตนาม ก่อสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ กว้างมากกว่า 30 กิโลเมตร เพื่อป้องกันมิให้นํ้าทะเลทะลักเข้าแผ่นดินแล้ว สิงคโปร์ ก็เริ่มลงมือป้องกันแล้ว ขณะที่ ไทย ยังไม่มีการเตรียมการใดๆ ทั้งสิ้น เพราะอยู่ระหว่าง ช่วงชิงอำนาจทางการเมือง ของนักการเมืองกันอยู่

ข้อมูลบางส่วนจาก ดร.สมิทธิ์ ธรรมสโรช

ในปัจจุบัน ยังไม่มีเทคโนโลยีใด ที่คาดหมายล่วงหน้าได้ว่า จะเกิดแผ่นดินไหวในเวลาใด ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ด้านนี้ ยังมีน้อยอยู่

สำหรับเรื่อง อุณหภูมิและพายุ มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากกว่า พอที่จะคาดหมายได้ล่วงหน้า แต่ก็ไม่เสมอไป ในปี 2553 นี้ที่ ลำปาง มีอุณหภูมิพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ คือ สูงถึง 42.5 องศา เป็นครั้งแรก ส่วนที่ เปรู ไม่เคยมีหิมะตก ก็ปรากฏ มีหิมะตก ภูมิอากาศโลกแปรปรวนค่อนข้างมาก บางแห่งแห้งแล้ง กลายเป็นทะเลทรายใหม่ บางแห่งมีนํ้ามาก จนท่วมสูงถึง 5 เมตร ในเมืองหลวงของบางประเทศ บางพื้นที่มีทั้งแห้งแล้งและท่วม สลับกัน ในปีเดียวกัน

สีนามิ ครั้งก่อน เมื่อ 26 ธันวาคม 2547 เกิดเพียงครึ่งเดียวครึ่งแรก ครึ่งหลังรอเวลาอยู่ ครึ่งหลังนี้จะรุนแรงกว่าครึ่งแรกมาก และ อยู่ใกล้ ประเทศไทย มากกว่า สึนามิครั้งก่อน
ครึ่งแรก เกิดห่างจากไทย ประมาณ 1,300 กิโลเมตร ครึ่งหลัง จะอยู่ห่างจากไทย ประมาณ 400 กิโลเมตรเท่านั้น นั่นคือ ครั้งต่อไป จะมีความเร็วที่มาถึง อีกทั้งมีความแรงที่มากกว่า อย่าประมาทเป็นอันขาด 

การเตรียมความพร้อมของรัฐบาลไทย ในการเผชิญปัญหาภัยพิบัตินั้น ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ตํ่ามาก จะทำฉาบฉวยเพียงระยะสั้น เพื่อสร้างภาพหาเสียงเท่านั้น แต่ไม่ลงมือป้องกันอย่างจริงจัง
เมื่อ 2 - 3 ปีก่อน ไซโคลนนากีส เข้า พม่า ปรากฏว่า พายุลูกนี้หอบเอานํ้าทะเลไปไกลเป็น 100 กิโลเมตร นำไปทิ้งแถบ แม่นํ้าอิระวดี มีคนตาย มากกว่า 138,000 คน ต้องระวัง สิ่งที่ไม่เคยเกิด ก็จะเกิดขึ้น

องค์กร IPCC อยู่ใน UNESCO ได้ระดมนักวิชาการทั่วโลก ประมาณ 1,000 คน ทำการศึกษา อัตราการละลายของนํ้าแข็ง ทั้งขั้วโลกเหนือ และ ขั้วโลกใต้ ซึ่งสถิติเดิมนั้น มีอัตราการละลาย ปีละประมาณ 3 ซม. ได้พบว่า ปัจจุบันมีอัตราการละลายของนํ้าแข็งขั้วโลก มากกว่าปีละ 100 ซม. ดังนั้น เป็นที่แน่นอนว่า ปัญหาการเกิดนํ้าท่วม หนีไม่พ้นแน่ สถิติเดิม ตำราเดิมนั้น เผาทิ้งได้แล้ว นักวิชาการที่อ่านตำราเก่าๆ และ ต่อต้านว่า ไม่มี ไม่เกิด เลิกนำมาอ้างได้แล้ว ลืมตาดูความจริงในปัจจุบันได้แล้ว เตรียมกาย เตือนใจ ในการรับมือกับภัยพิบัติได้แล้ว

มีคนไทยคนหนึ่ง คือ ดร.ก้องภพ อยู่เย็น ปัจจุบันทำงานที่ องค์การนาซ่า ได้ศึกษาเจาะลึกเกี่ยวกับกระแสแม่เหล็กโลก พบว่ามี สิ่งที่มีชีวิตนอกโลก แล้วประมาณ 20 ดวง เพียงแต่ยังสื่อสารกันไม่ได้ เท่านั้น

ข้อมูลบางส่วนจาก ท่านพระธรรมโกษาจารย์ อธิการบดีมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย

ท่านให้คำอธิบายว่า โลกนั้นมี 3 ส่วนสำคัญ คือ แผ่นดิน สังคม และ ชีวิต ทั้งหมดกำลังมีการเปลี่ยนแปลง

ท่านได้รับเชิญไปร่วมประชุมเกี่ยวกับ ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลก หรือเรื่อง Climate Change ที่ โคเปนฮาเก้น เดนมาร์ค ในฐานะผู้นำศาสนาพุทธในประเทศไทย มีตัวแทนประเทศต่างๆ มาร่วมประชุม ประมาณ 30,000 คน ผลคือ ไม่สามารถทำสัญญาตกลงลดปัญหาโลกร้อนได้ เสร็จประชุม ทำได้เพียงทำคำแถลงการณ์ เท่านั้น

เพราะ ประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรป ตัวการทำให้โลกร้อนมานาน ตั้งแต่ยุคพัฒนาอุตสาหกรรม ในช่วง 200 ปี จนถึงปัจจุบัน ขอให้กลุ่ม G 77 หรือ ประเทศที่กำลังพัฒนา นำโดย จีน อินเดีย และรวมถึง ไทย ด้วยที่อยู่ในกลุ่มนี้ หยุดการกระทำที่ทำให้โลกร้อน แต่ประเทศในกลุ่ม G 77 ต้องการพัฒนาอุตสาหกรรมต่อไป ให้ทันกลุ่มที่พัฒนาแล้ว โดยขอให้กลุ่มที่พัฒนาแล้ว ชะลอการพัฒนาที่ทำร้ายโลกให้ร้อน

กลุ่มที่พัฒนาแล้ว ก็ไม่เห็นด้วย กลัวจะล้าหลังประเทศกลุ่ม G 77 จึงไม่อาจตกลงกันได้ในการประชุมที่ โคเป็นฮาเก้น ในที่สุด ต่างฝ่ายก็ตกลงที่จะพัฒนาอุตสาหกรรม ด้วยการช่วยกันทำลายทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ เพื่อสร้างความมั่งคั่งของตนต่อไป

ท่านพระธรรมโกษาจารย์ ท่านว่า โลกกำลังลุกไหม้เป็นไฟ แต่ทุกคนก็ยังเริงร่ากันได้อยู่หรือ ยังไม่ตื่นตัว ยังไม่มีสติ แต่มิใช่ให้ ตื่นกลัว หรือ ตื่นตระหนก ไม่ควรทำตัวเหมือนสัปเหร่อ ที่เห็นคนตาย ก็รู้สึกเฉย ๆ

ขณะนี้ ประธานาธิบดี มัลดี๊ฟ ทำเรื่องขออนุญาต ออสเตรเลีย ขอย้ายประเทศไปอยู่ด้วย เพราะจะได้รับผลกระทบก่อน เนื่องจาก อยู่สูงกว่าระดับนํ้าทะเลเพียง 1-2 เมตรเท่านั้น ประชากร 400,000 คน คงไม่รอด (กทม.และปริมณฑล สูงกว่าระดับนํ้าทะเลเพียง 1 เมตรเท่านั้น)

ปกติธรรมชาติมีระบบนิเวศน์ ที่สามารถเยียวยาตนเองได้ แต่พัฒนาการของมนุษย์ที่ไปทำลายธรรมชาติ จนทำให้วงจรปกติของธรรมชาติเกิดวิปริตไป ต้นเหตุใหญ่ของภัยพิบัติ ก็มาจากมนุษย์นี่เอง

เราควรที่จะตระหนักรู้ในปัญหา มีความกรุณา หรือ ให้ความสงสารแก่ผู้เดือดร้อน เตรียมทั้ง สติและปัญญา ให้พร้อม ย่อมบรรเทาปัญหาลงได้ ขอให้ทุกคนตั้งใจในการ ละชั่ว ทำดี และ ทำจิตให้สงบเย็น ทำความดีมากๆ หรือ ทำบุญมาก บุญนั้น จะช่วยจัดสรรผลดีให้ ประหนึ่ง ยิ่งให้ก็ยิ่งได้ นั่นเอง กรรมดีมีมาก ระหว่างให้ผล กรรมชั่วย่อมวิ่งตามไม่ทัน

กรรมดี จะปรากฏในรูป เทพสังหรณ์ ผ่อนหนักเป็นเบาได้ เหมือนไฟกำลังจะถึงบ้านเรา ปรากฏว่า มีฝนห่าใหญ่ตกลงมาดับไฟไป หรือ ส่งผลให้เกิดความสําเร็จสมหวัง ส่วนกรรมชั่วนั้น หากมาตามทัน ก็จะเป็นตัวตัดรอน ตัวบั่นทอน เชื่อเรื่องบุญบาป เรื่องกฎแห่งกรรม เรื่องชาตินี้ชาติหน้า ดีกว่า การไม่เชื่อ แน่นอน หากชาติหน้ามีจริง ก็ได้ไปสวรรค์ หรือ พรหม อย่างเลวก็เกิดเป็นมนุษย์ ที่เพียบพร้อมด้วย ทรัพย์สมบัติ บริวาร และ สุขภาพที่ดี

หากไม่มีชาติหน้า ชาตินี้ก็จะมีความสุข ยามบุญมาวาสนาช่วย ที่ป่วยก็หาย ที่มีทุกข์ก็คลาย

อย่างน้อยที่สุด ต้องมีสติ เพื่อระวัง และป้องกัน ต้องรู้เท่าทัน เพื่อเอาไว้แก้ปัญหา และ มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น

ทุกข์ คือ ตัวปัญหา ต้องรู้เท่าทัน อย่าหนีปัญหา อย่าหลบปัญหา

สมุทัย คือ รู้เหตุแห่งปัญหา หากรู้ว่า จะเกิดที่ไหน ก็อย่าไปอยู่ที่นั้น ๆ

อย่าทำตัวเป็น นกกระจอกเทศ ไม่รับรู้ปัญหา เมื่อมีปัญหา มันจะเอาหัวซุกลงในพื้นทราย จะได้ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ในที่สุด ก็ต้องตายอย่างน่าอนาถ
อย่าทำตัวเป็น กบ ที่ทำตัวตามสบายไปวันๆ ลงไปอยู่ในหม้อต้มนํ้า ที่เริ่มต้ม ก็ดูอุ่นสบายดี แต่พอนํ้าร้อนเดือด หมดแรงกระโดด ก็ต้องตาย

หากเราไม่ต้องการมีชีวิต อยู่เกิน 7 - 8 ปีข้างหน้า ก็ไม่จำเป็นต้องเตรียมกาย แต่ก็ต้องเตือนใจรับภัยพิบัติ เราพร้อมที่จะละจากโลกใบนี้ ไปในที่ซึ่งดีกว่า มีความสุขมากกว่า เพราะมีคุณความดีมหาศาลพร้อมแล้ว ปิดประตูอบายภูมิสนิทแล้ว ทุกๆวัน เรามีแต่ คิดดี พูดดี และ ทำแต่ความดี ตลอดเวลา อีกทั้งมีจิตใจที่ผ่องใสทุกเวลา ก็ถือว่าหมดห่วงได้แล้วจริง

หากไม่แน่ใจ เราต้องเร่งฝึก กาย วาจา ใจ ของเราให้มากขึ้น อย่างน้อย ต้องฝึกไม่โกรธใคร ๆ วางเฉย ให้อภัย ในความไม่ดีของคนอื่น รู้เท่าทันในเรื่องต่างๆ อย่างมีสติ จิตใจที่สงบ จะแก้ปัญหาต่างๆ ได้ด้วยปัญญา

ภูมิปัญญาชาวบ้าน เช่น ชาวมอแกน ที่อยู่แถว เกาะสุรินทร์ ในคราวเกิด สึนามิ รอดตายกันทั้งหมู่บ้าน เพราะ ปู่ย่าตาทวด เขาแต่งเพลงกล่อมลูก ที่มีเนื้อหาบอกให้รู้ว่า 
ถ้ามีเสียงสั่นสะเทือนริมทะเล มีนํ้าทะเลลดทันที ให้หนีขี้นที่สูงโดยพลัน จะรอดตายจากคลี่นยักษ์

ที่ ญี่ปุ่น เขาก็มีการแต่งเป็นนิทานสอนเด็กๆ ให้รู้ในการเตรียมกาย เตือนใจ รับภัยพิบัติในรูปแบบต่างๆกัน เมื่อมีภัยมา ใครที่รู้เรื่องดังกล่าว ก็รอดตาย ใครที่ไม่ใส่ใจ ทำตัวเป็น นกกระจอกเทศ หรือ ทำตัวแบบ กบ ก็ย่อมช่วยไม่ได้ ไม่ตายก็พิการ ตัวใครตัวมันก็แล้วกัน

ในคราวเกิดสึนามิที่ผ่านมา ในไทย เด็กหญิงชาวอังกฤษ ทิลลี่ สมิทธิ์ อายุเพียง 10 ขวบ ได้ช่วยคนให้รอดตายเกือบร้อยคน นิตยสารฝรั่งเศส ยกย่องให้เป็นยอดเด็กแห่งปี"
เรื่องนี้มีอยู่ว่า ในระหว่างที่ ทิลลี่ สมิทธิ์ กับ พ่อแม่และน้องสาว ไปเดินเล่นที่ชายหาดที่หมู่บ้านนํ้าเค็มนั้น เขาสังเกตเห็นนํ้าทะเลลดลงอย่างรวดเร็ว จึงรีบบอกพ่อแม่ให้รีบวิ่งขึ้นที่สูง เพราะสึนามิจะมา นํ้าจะสูงถึงยอดไม้ ทำให้ตายได้ แม่ไม่เชื่อ
แต่น้องสาว 7 ขวบ กลัวตาย วิ่งกลับโรงแรมร้องไห้ พ่อวิ่งตาม ทิลลี่วิ่งตาม ในที่สุด แม่ก็เลยต้องวิ่งตามกันไปที่โรงแรมบนเขาหลัก เจ้าหน้าที่โรงแรมสอบถามว่า มีปัญหาอะไร ทิลลี่และพ่อของเขา แจ้งทางโรงแรมว่า สึนามิจะเข้ามา จะทำให้นักท่องเที่ยวตาย โรงแรมจึงประกาศเรียกนักท่องเที่ยวขึ้นมาจากชายหาดขึ้นเขาไปเกือบร้อยคน หลังจากนั้นเล็กน้อย สึนามิ ก็เข้าถล่มพื้นที่ชายหาด มีคนตายจำนวนมาก
นักท่องเที่ยวที่รอดตาย ก็ยกย่องและขอบคุณ ด..ทิลลี่ สมิทธิ์ แต่เด็กคนดังกล่าวแจ้งว่าต้องขอบคุณ คุณครูที่ลอนดอน ชื่อ แอนดรู เคอร์นี่ ซึ่งเป็นผู้ที่สอนเรื่องนี้ ในชั้นเรียนระดับประถม
สำนักข่าวต่างประเทศ และ นิตยสารต่างๆ ออกข่าวเรื่องนี้กันไปทั่ว ส่วนประเทศไทย ก็ยังไม่มีการสร้างภูมิคุ้มกันในเรื่อง การเตรียมกาย เตือนใจ และ ให้คำแนะนำในเรื่องนี้มากนัก

ข้อมูลบางส่วนจาก คุณอนุรุธ ว่องวานิช นายกยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยฯ

นับแต่นี้ไป เราต้องเพิ่มการสังเกตสิ่งแวดล้อมต่างๆ ให้มากขึ้น ในช่วงนี้ได้เข้าสู่ช่วงการเปลี่ยนถ่ายครั้งสําคัญ ในทุกมิติภัยพิบัติใหญ่ๆ ในสมัยก่อนบางเรื่อง 100 ปี เกิดครั้ง บางเรื่อง 20-30 ปี เกิดครั้ง แต่ปัจจุบันเกิดขึ้นทุกปี บางปีเกิดขึ้นหลายครั้ง

ภัยพิบัติใน ปากีสถาน เมื่อเดือนกรกฎาคม 2553 ที่ผ่านมา มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนที่อยู่อาศัย จำนวนหลายล้านคน

ในปัจจุบัน มีทั้ง ภัยธรรมชาติ ภัยจากกิเลส ความขัดแย้ง ความแตกแยก ความเห็นแก่ตัว ความมีมิจฉาทิฏฐิ เต็มบ้านเต็มเมือง โลกนี้จะไม่น่าอยู่อีกต่อไปแล้ว

เตรียมหาสถานที่อยู่ ที่มีความปลอดภัย มากกว่าในปัจจุบัน เพื่อการอยู่อาศัยในอนาคต เตรียมการเรื่องอาหารการกิน ในยามเกิดวิกฤติให้พร้อม จะต้องไม่ประมาทในเรื่องต่างๆ ต้องควบคุมดูแลค่าใช้จ่ายให้รัดกุม หากมีเงินทุน ต้องกระจายความเสี่ยง ไปในหลายๆสถานที่ อย่าไปกระจุกตัว ที่ใดที่เดียว

จะต้องเตรียมกระเป๋าเดินทางหลายใบ เพื่อใส่สิ่งของจำเป็นให้มากที่สุด เช่น สิ่งของเพื่อการยังชีพ อาทิ เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ถุงนอน ยารักษาโรค อุปกรณ์เดินป่า เช่น ไฟฉาย เชือกเส้นใหญ่ นํ้าดื่มสะอาด อาหารกระป๋อง ฯลฯ ส่วนทรัพย์สินมีค่าต่างๆ เช่น พันธบัตร หุ้นกู้ ใบหุ้น โฉนดที่ดิน เงินสด ทองคำ ของรักของหวง แยกใส่กระเป๋าอีกใบ

จะต้องรู้จัก การลงทุนข้ามภพชาติ เพื่อ ปิดประตูนรก เปิดประตูสวรรค์ สะสมบุญบารมี ประกอบคุณความดี ในช่วงที่เรายังมีลมหายใจอยู่

จัดสรรเวลา ทำบัญชีทรัพย์สิน รวบรวมให้อยู่ในจุดที่ เราและคนในครอบครัว สามารถหยิบฉวยได้ เร็วและง่าย แต่อยู่ในที่ปลอดภัย เมื่อมีภัยพิบัติมา ใครที่อยู่ใกล้ หยิบฉวยไปได้เลย ผู้ที่อยู่ไกล ห้ามกลับเข้าบ้านในปัจจุบัน โดยเดินทางไปที่จุดหมายปลายทางที่นัดพบทันที โดยควรเป็นที่อยู่อาศัย ที่ไม่ต้องพึ่งพาปัจจัยภายนอกได้ จะดีที่สุด

เมื่อมีภัยพิบัติร้ายแรงเกิดขึ้น ห้ามกลับที่พักปัจจุบัน มิฉะนั้น ถนนทุกสายจะแน่นไปด้วยรถที่วิ่งไม่ได้ จะเดินทางออกจากบ้านไม่ได้ รถจะติดแบบวินาศสันตะโร ให้ทุกคนในครอบครัว หาทางไปที่จุดหมายปลายทาง โดยเร็วที่สุด หรือ นัดพบจุดที่ 1,2,3,….ระหว่างทาง เป็นต้น

. ปริญญา ตันสกุล ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาบุคลิกภาพมนุษย์

. ปริญญาฯ อ้างว่า ได้รับสาส์นจากจิตจักรวาล เตือนวันชำระโลก ประเทศไทยเรา ด้ามขวานจะหักเป็นสามท่อน ที่ว่าหัก คือ จมทะเลไปหมดเลย หลายคนก็บอก เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเกิดขึ้นหรอก เหมือนที่ว่า กรุงเทพฯ ไม่เกิดแผ่นดินไหวหรอก

. ปริญญาฯ ยืนยันว่า กรุงเทพฯ จะเกิดแผ่นดินไหวแน่ ถ้าที่ กาญจนบุรี เกิดแผ่นดินไหวเพียง 7 ริกเตอร์ กรุงเทพฯ ก็เตรียมตัวรับหายนะได้แล้ว โดยชี้แจงว่า พูดในฐานะของนักวิทยาศาสตร์ทางจิต ไม่ใช่ นักวิทยาศาสตร์ทางโลก แบบวิทยาศาสตร์ทางกายภาพ

โดยเหตุการณ์ จะเกิดจากต้นเหตุสําคัญ คือ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด อันเนื่องมาจาก แผ่นทวีปของเปลือกโลกเคลื่อนตัว โดยสภาพการเปลี่ยนแปลงจะเป็นไปในแต่ละพื้นที่ คือ ภาคใต้ ตรงบริเวณด้ามขวาน จะเป็นพื้นดินยาวลงมาถึง จ.ประจวบคีรีขันธ์ คือ ส่วนที่ต่อมา ส่วนที่ 2 เป็นเกาะใหญ่อยู่ตรงกลาง และ ส่วนที่ 3 คือ ที่ติดกับ ประเทศมาเลเซีย โดยจะมีทะเลกันหมดทั้ง 3 ส่วน เกาะภูเก็ต เกาะสมุย และ เกาะน้อยใหญ่ จะจมหายไปหมด 

แต่ละจังหวัด จะเหลือพื้นที่เพียงน้อยนิด ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ลาว เวียดนาม กัมพูชา ก็จะจมอยู่ใต้ทะเล ส่วนพม่าตอนล่าง หายไป จังหวัดทางภาคตะวันตกของไทย กลายเป็นชายทะเล ภาคเหนือจะมีแม่นํ้าสายใหม่เกิดขึ้น พื้นที่ของไทยประมาณ 20% จมทะเล"
ข้อมูลบางส่วนจาก ท่าน พ.ธรรมรังสี

ท่านให้ข้อมูลว่า ภัยพิบัติที่ได้เกิดขึ้นไปแล้วนั้น ท่านเองก็ทราบมาก่อนเหมือนกัน และมันก็ได้เกิดขึ้นไปแล้วจริงๆ แต่ที่ท่านบอกว่า ท่านอกสั่นขวัญแขวน มากกว่า ก็คือ ภัยพิบัติที่กำลังจะมาถึง ในอนาคตอันใกล้นี้ต่างหาก

ท่านบอกว่า ท่านเห็นลูกไฟมากมาย ตกลงมาจากท้องฟ้า เป็นห่าลูกไฟห่าใหญ่ ท่านก็พาคนกลุ่มหนึ่ง วิ่งเข้าไปหลบในถํ้าได้อย่างปลอดภัย ส่วนคนที่วิ่งหนีกระเจิดกระเจิงเข้าป่าไปนั้น จะถูกลูกไฟตกใส่ เผาไหม้ร้องโอดโอย ทั้งคน ทั้งป่า ไหม้หมดเลย

ก่อนเกิดเหตุร้ายแรงนี้ จะมีบรรยากาศเงียบงัน วังเวง หดหู่เวิ้งว้าง มนุษย์จะเห็น เหตุการณ์ประหลาด จะมีอยู่วันหนึ่ง ที่เกิดเหตุการณ์รุนแรงที่สุด คลื่นพลังมหาศาลจากจักรวาล จะกระแทกลงมายังโลก เป็นพลังงานที่เกิดจาก ลมพายุสุริยะ มนุษย์ทุกคนบนโลก จะได้พบกับเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว

บรรยากาศช่วงแรกๆ จะรู้สึกหดหู่ เวิ้งว้าง ท้องฟ้าจะวังเวงพิกล หลังจากนั้นไม่นานนัก ลมจะแรงขึ้น แรงขึ้น เสียงฟ้า เสียงลม จะแผดเสียงกึกก้องดังที่สุด ตั้งแต่เกิดมา จะไม่เคยได้ยินเสียงที่ดังขนาดนี้มาก่อนในชีวิต นั่นจะเป็นปีที่มหันตภัยใหญ่ จะเกิดแก่มวลมนุษยชาติ ไม่เกิน 7-8 ปีข้างหน้า

ข้อมูลบางส่วนจาก นายไมเคิล กอร์ดอน สกัลเลี่ยน ผู้ตายแล้วฟื้นมาเห็นเหตุการณ์อนาคต13

เขาคนนี้ ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งใน ผู้หยั่งรู้อนาคต (futurist) มีญาณทัศนะ(Spiritual Visionary) คือ มองเห็นอนาคตด้วยญาณ มีความแม่นยำมากพอสมควร จบการศึกษาทางด้านอิเลคทรอนิคส์ เคยตายมาแล้ว แต่กลับฟื้นขึ้นมาได้ในภายหลัง เคยออกทีวีช่อง NBC และ UPN ในหลายรายการ

หลังจากฟื้นขึ้นมาใหม่ เขากลายเป็นผู้หยั่งรู้อนาคต โดยสิ่งที่เขาทำนายถูกต้อง ก่อนที่จะมีเหตุการณ์เกิดแผ่นดินไหวจริงหลายครั้ง ซึ่งในช่วงแรก ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนเพี้ยน แต่ปรากฏว่า มีเหตุการณ์แผ่นดินไหวเกิดขึ้นในที่ต่างๆจริง ตามที่เขาทำนายไว้ ถึง 53 ครั้ง ใน 66 ครั้ง (ถูก 80%) โดยยังไม่มีเทคโนโลยีใดในโลกทำนายการเกิดแผ่นดินไหวล่วงหน้าได้มาก่อน

และเขาได้เขียน แผนที่โลกฉบับใหม่ ขึ้นมาฉบับหนึ่ง แผนที่นี้ภายใต้ชื่อว่า Future Map Of The World ถูกสร้างขึ้นโดย นาย Gordon ได้มองเห็นภาพอนาคตของโลกเป็นครั้งแรกในปี 2521 ในขณะที่วิญญาณลอยอยู่สูงขึ้นไปในอากาศ แล้วมองกลับลงมาบนโลก หลังจากนั้น ก็เห็นภาพดังกล่าวอีกหลายครั้ง ทำให้เขาสามารถสร้าง แผนที่โลกในอนาคตขึ้นมาและพิมพ์เผยแพร่ โดยนาย Gordon คาดว่าเหตุการณ์น่าจะเกิดขึ้นในระหว่างปี 1998-2012 (..2541-..2555) แต่ระยะเวลาน่าจะเปลี่ยนไปเป็นปี 2017-2018 (..2560 – 2561) มากกว่า คงต้องติดตามดูต่อไป ท่านอย่าเพิ่งรีบด่วนจากโลกนี้ไป ก่อนเวลาดังกล่าวจะมาถึง

นักสังเกตการณ์ทางธรรมชาติ ได้ยืนยันว่า

ในประเทศไทย มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เช่น มีพายุเข้ามาทางอ่าวไทยมากขึ้น ความแห้งแล้งมีมากขึ้น บางพื้นที่มีฝนตกมากจนนํ้าท่วม บางพื้นที่มีทั้งแห้งแล้ง และนํ้าท่วม ในปีเดียวกัน มีแผ่นดินถล่ม โคลนถล่มมากขึ้นถี่ขึ้น ในอดีต ฝนตกหนัก จะเห็น 1,000 ปีสักครั้ง แต่จากนี้ไป จะเห็นทุกๆ 3 ปี ที่มีฝนตกหนักมาก ทำให้เกิดอุทกภัยและโคลนถล่ม เป็นภัยร้ายแรงที่ต้องระวังมากขึ้น ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และ ความร้อน ที่ลอยไปสู่ชั้นบรรยากาศของโลก จะไม่ทะลุผ่านออก

ปัจจุบันมีสัญญาณเตือนถึง ภัยพิบัติทางทะเล ให้เห็นหลายประการ เช่น ปะการัง มีการตายมากอย่างผิดสังเกต ปลาในทะเลลึก กลับมาหากินบริเวณชายฝั่งมากขึ้น นํ้าทะเลกัดเซาะชายตลิ่งมากขึ้น ในปัจจุบัน บางพื้นที่บางส่วนของ จ.สมุทรปราการ บางส่วนของเขตบางขุนเทียนใน กทม. พื้นดินถูกกลืนหาย กลายเป็นบริเวณนํ้าทะเลถาวรจากชายฝั่งเดิมนับเป็นกิโลเมตรแล้ว บางหมู่บ้าน บางโรงเรียน จมนํ้าทะเลอย่างถาวร ไปแล้ว ไม่ว่าในช่วงนํ้าทะเลขึ้นสูง หรือ ช่วงนํ้าทะเลลดตํ่าสุดก็ตาม

ปัจจุบัน บริเวณอ่าวไทยตอนบน นํ้าทะเลท่วมลึกเข้ามาในผืนแผ่นดิน ปีละ 2 - 4 เมตร และ ท่วมลึกเข้ามาในแผ่นดินเรื่อย ๆ

บริเวณแถวหมู่บ้านคลองด่าน และ หมู่บ้านขุนสมุทรจีน ในจังหวัดสมุทรปราการ และ พื้นที่ริมทะเลของไทยในหลายพื้นที่ พื้นดินหายไปในทะเลรวมกันมากกว่า 180,000 ไร่แล้ว วัดขุนสมุทรจีน ซึ่งปัจจุบันอยู่ในทะเล ห่างจากฝั่ง ประมาณ 1 กิโลเมตร ทั้ง ๆ ที่เดิมนั้น วัดขุนสมุทรจีน อยู่บนพื้นดิน ไม่มีนํ้าล้อมรอบ แต่ปัจจุบันล้อมรอบไปด้วยนํ้าทะเลแล้ว และทรุดตัวลงจากพื้นดินไปมาก

สะพานของกรมโยธาธิการที่เขต จ.สมุทรปราการ คงเหลืออยู่เพียงแค่คอสะพาน ที่เชื่อมต่อลงในทะเล และ ไม่ปรากฏว่า มีหมู่บ้านรองรับ แต่เป็นสะพานที่วิ่งลงไปในทะเล เสาไฟฟ้าก็อยู่ในทะเลแล้ว โดยไม่สามารถมองเห็นบริเวณที่เคยเป็นถนนอีกต่อไป

โรงเรียนที่เคยอยู่บนชายฝั่ง ปัจจุบันได้จมลงอยู่ในทะเลอย่างถาวร ไม่สามารถมองเห็นสภาพโรงเรียนวัดขุนสมุทรจีนอีกต่อไป เพราะจมหายมิดทั้งโรงเรียน สิ่งเหล่านี้ คือ ภาพที่รายการโลกสวยด้วยมือเราถ่ายมาออกอากาศที่โทรทัศน์ ช่อง 7

ณ ปัจจุบันบริเวณชายทะเลบางขุนเทียน มีนํ้าทะเล รุกลํ้าเข้ามาในบริเวณซึ่งเป็นที่ดินถึงปีละ 1-2 เมตร และ คงสภาพท่วมถาวรในสภาพเช่นนั้น ท่านทั้งหลายน่าจะเดินทางไปตรวจพิสูจน์ทราบด้วยตนเอง เพราะอยู่ใกล้แค่นี้เอง

หากไม่มีการเกิดระเบิดของภูเขาไฟครั้งใหญ่ หรือ ไม่มีอุกกาบาตใหญ่มาชนโลกจนเกิดฝุ่นปกคลุมบรรยากาศโลก โลกก็จะเพิ่มความร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และ ความร้อนภายในโลกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่สามารถหลุดออกจากสภาวะฝาชีเรือนกระจกได้

แต่ถ้ามีการเกิดระเบิดของภูเขาไฟครั้งใหญ่ หรือ มีอุกกาบาตใหญ่วิ่งมาชนโลก ย่อมทำให้เกิดฝุ่นปกคลุมบรรยากาศของโลก ทำให้แดดส่องลงมาไม่ถึงพื้นผิวโลก พื้นที่ส่วนนั้น ๆ ก็จะกลับกลายเป็นยุคนํ้าแข็งได้ นั่นคือ โลกของเราจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เช่นเดียวกัน

แต่ในที่สุด สิ่งที่แน่นอนที่สุด คือ ความไม่แน่นอนว่า จะมีสิ่งใดเกิดขึ้น ไม่เกิดเรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง แต่จะเป็นเรื่องใดก็ตาม เป็นเรื่องเลวร้ายต่อคนที่อาศัยอยู่ในโลกค่อนข้างแน่นอน

ให้ระวังสักนิด ประเทศไทย จะได้พบกับสึนามิอีกครั้ง แต่สึนามิครั้งนี้จะมีความใหญ่มากกว่า เหตุการณ์เมื่อ 26 ธันวาคม 2547 เพียงแต่จะเกิดเมื่อไรไม่มีผู้ใดทราบแน่ชัด แต่ภาพนิมิตสึนามิในอนาคตในประเทศไทยมีหลายท่านได้เห็นแล้ว แต่ช่วงเวลายังไม่ยืนยัน น่าจะอยู่ระหว่างปี 2560 – 2561 (.. 2017-2018)

จากรายงานขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) หลายฉบับได้กล่าวถึงหายนะจากสภาพภูมิอากาศเลวร้ายจากสภาวะโลกร้อน กำลังทำให้พื้นที่ทะเลทรายแผ่ขยายอาณาเขตอย่างรวดเร็ว ทำให้ประชากรโลกนับพันล้านคนได้รับความเดือดร้อนจากการแผ่ขยายพื้นที่ทะเลทรายทั้งทางตรงและทางอ้อม พื้นที่เกษตรกรรมจะกลายเป็นทะเลทราย หรือแผ่นดินที่แห้งแล้ง ได้แก่ พื้นที่ 1 ใน 3 ของเอเชีย เช่น จีน อินเดีย ปากีสถาน เอเชียกลาง และ ตะวันออกกลาง

พื้นที่ 2 ใน 3 ของทวีปแอฟริกา ได้แก่ อาร์เจนตินา บราซิล และ ชิลี จะผจญวิกฤติจากพื้นที่ทะเลทรายก่อนประเทศอื่น ๆ ทำให้ประชากรโลก 80 - 200 ล้านคน จะอดอยากหิวโหย เกิดการอพยพครั้งใหญ่จากแถบซาฮีเลียนไปชายฝั่งแอฟริกา ฝั่งตะวันตกและยุโรป เม็กซิโก ไปยังสหรัฐอเมริกา

ทั่วโลกกำลังได้รับสัญญาณเตือนภัยจากสภาวะโลกร้อนทั่วทุกหย่อมหญ้า เพราะทุกพื้นที่ทั่วโลกกำลังเผชิญต่อความวิปริตแปรปรวนของสภาพดิน ฟ้า อากาศ อันเป็นผลพวงจากสภาวะโลกร้อน ทำให้ประชากรโลกต้องเผชิญต่อความไม่แน่นอนของธรรมชาติ

บางพื้นที่มีฝนตกหนัก เกิดนํ้าท่วมฉับพลัน แต่บางพื้นที่กลับต้องทุกข์ทนจากความแห้งแล้ง ขาดแคลนอาหารและนํ้าดื่ม และ อาจนำไปสู่ปัญหาโรคระบาดคร่าชีวิตประชากรโลกในที่สุด

องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (นาซ่า) ที่ติดตามความเปลี่ยนแปลงของธารนํ้าแข็ง Gangotri บนยอดเขาหิมาลัย พบว่า ธารนํ้าแข็งหดสั้นลงไปแล้วราว 4 กิโลเมตร การที่ธารนํ้าแข็งบนยอดเขาหิมาลัยละลายในปริมาณที่มากดังกล่าว ย่อมส่งผลกระทบต่อแม่นํ้าสายสำคัญๆ ที่หล่อเลี้ยงคนทั่วทั้งเอเชีย

รายงานล่าสุดพบว่า ธารนํ้าแข็งบนที่ราบสูงทิเบต กำลังละลายลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน โดยบริเวณที่ราบสูงทิเบตนั้น เป็นบาโรมิเตอร์ที่อ่อนไหวในการวัดสภาวะบรรยากาศโลก แต่ขณะนี้นํ้าแข็งบนภูเขาแดนหลังคาโลกแห่งนี้ ละลายในอัตราเฉลี่ย 131.4 ตารางกิโลเมตรต่อปี ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เสื่อมโทรม จากสภาวะโลกร้อนที่มนุษย์สัมผัสได้ ยังมีความหายนะที่มนุษย์มองไม่เห็น และ กำลังเผชิญหน้ากับมันอยู่นั่นคือ โรคระบาด!

ในปี 2017 จะมีการหลุดรอดโดยเจตนา ของบริษัทผลิตยารายใหญ่ ที่ก่อให้เกิดโรคระบาดร้ายแรงแก่มนุษยชาติไข้หวัดสายพันธ์ 2017 ”

การเกิดแผ่นดินไหวที่จะสร้างความเสียหาย และ ผลกระทบให้ประเทศไทยมากที่สุด คือ การเกิดแผ่นดินไหวใกล้ๆ กรุงเทพฯ ซึ่งมีเพียงปัจจัยจาก รอยเลื่อนสะแกงในประเทศพม่า กับ รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ และ รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ ในประเทศไทย

รอยเลื่อนสะแกง อยู่ห่างจาก กรุงเทพฯ ประมาณ 400 กม. ส่วนรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ และ รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ อยู่ห่างจาก กรุงเทพฯ ประมาณ 200 กม. หากเกิด แผ่นดินไหวตั้งแต่ 7 ริกเตอร์ขึ้นไป มีหายนะในกรุงเทพฯ ค่อนข้างแน่

แถมยังมีเขื่อนขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนรอยเลื่อน นั่นคือ เขื่อนศรีนครินทร์ เป็นแรงหนุนให้เกิดความเสียหายอันประเมินค่ามิได้ ถ้าเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงจากรอยเลื่อนดังกล่าว และ มีผู้ให้ข้อมูลว่า น่าจะมีปัญหามากในปลายปี 2560 – 2561 โดยวิศวกรของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ผู้ดูแลเขื่อน ชี้แจงว่า ชาวกรุงเทพฯ และ ปริมณฑล จะมีเวลาประมาณ 35 ชั่วโมงนับแต่เวลาเขื่อนแตก โดยพื้นที่กรุงเทพฯ และ ปริมณฑล จะมีปริมาณนํ้าสูงประมาณ 2 เมตร คือ มิดหัวคนไทยส่วนใหญ่ หลังเขื่อนแตก 35 ชม.

ประเทศไทย มีรอยเลื่อนใหญ่ๆ อยู่หลายแนว โดยสามารถจัดกลุ่มรอยเลื่อนที่สำคัญได้ 13 กลุ่ม โดยกลุ่มรอยเลื่อนทั้งหมด วางแนวพาดผ่านพื้นที่ 22 จังหวัด คือ ภาคเหนือ 11 จังหวัด ภาคใต้ 6 จังหวัด ภาคตะวันตก 3 จังหวัด และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 จังหวัด มีดังนี้.-

กรมทรัพยากรธรณีพบว่า ประเทศไทยมีรอยเลื่อนใหญ่ๆ ที่มีพลังอยู่ 13 กลุ่มรอยเลื่อน ได้แก่

1. กลุ่มรอยเลื่อนแม่จันและแม่อิง พาดผ่านเชียงรายและเชียงใหม่
2. กลุ่มรอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน พาดผ่านแม่ฮ่องสอนและตาก
3. กลุ่มรอยเลื่อนเมย พาดผ่านตากและกำแพงเพชร
4. กลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา พาดผ่านเชียงใหม่ ลำพูน และเชียงราย
5. กลุ่มรอยเลื่อนเถิน พาดผ่านลำปางและแพร่
6. กลุ่มรอยเลื่อนพะเยา พาดผ่านลำปาง เชียงราย และพะเยา
7. กลุ่มรอยเลื่อนบัว พาดผ่านน่าน
8. กลุ่มรอยเลื่อนอุตรดิตถ์ พาดผ่านอุตรดิตถ์
9. กลุ่มรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ พาดผ่านกาญจนบุรีและราชบุรี
10. กลุ่มรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ พาดผ่านกาญจนบุรีและอุทัยธานี
11. กลุ่มรอยเลื่อนท่าแขก พาดผ่านหนองคายและนครพนม
12. กลุ่มรอยเลื่อนระนอง พาดผ่านประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง และ พังงา
13. กลุ่มรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย พาดผ่านสุราษฎร์ธานี กระบี่ และพังงา

รอยเลื่อนต่างๆ จะเลื่อนเมื่อไร และจะทำให้เกิดแผ่นดินไหวได้เมื่อไรนั้น เรื่องนี้ต้องยอมรับในธรรมชาติของสัตว์บางชนิด ที่มีสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอด สัญชาตญาณของสัตว์มีส่วนช่วยเตือนภัยพิบัติที่กำลังจะมาถึงตัวเราได้ เช่น

1. นก มีความรู้สึกไวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะ นกพิราบและนกกา ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวในประเทศจีน พบว่า ก่อนเกิดแผ่นดินไหว ฝูงนกพิราบหรือนกกา ที่อยู่ภายในรัศมี 50 กิโลเมตร จากศูนย์กลางแผ่นดินไหว จะรู้ล่วงหน้า และ บินหนีไปภายใน 24 ชั่วโมง ส่วนนกเลี้ยงบางชนิด เช่น นกแก้ว ก็จะมีอาการแตกตื่น และ จะพยายามหนีออกจากกรงขัง

2. ปลาทะเลนํ้าลึก จะว่ายเข้ามาในเขตนํ้าตื้น มากผิดปกคิ ก่อนเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ เมืองโกเบ ชาวประมงจับปลาได้มากกว่าปกติ และ มีปลาทะเลนํ้าลึกว่ายเข้ามาในเขตนํ้าตื้นให้จับได้จำนวนมาก

3. ปลานํ้าจืด ที่อาศัยอยู่ในแม่นํ้า หรือ ทะเลสาบ จะมีความรู้สึกไวต่อการเกิดแผ่นดินไหว เช่น ปลาคาร์พ ปลาดุก จำนวนมากกระโดดขึ้นมาบนผิวนํ้า และ มีท่าทางลุกลน แสดงว่าอาจจะเกิดแผ่นดินไหวตามมาได้

4. งู เป็นสัตว์ที่รู้ล่วงหน้าก่อนใครว่า จะเกิดแผ่นดินไหว เพราะ งูบางชนิดจำศีล แล้วไปชุมนุมอยู่ในโพรงดิน จะหนีภัยด้วยการเลื้อยขึ้นมาบนพื้นดินจำนวนมาก เช่น ก่อนเกิดแผ่นดินไหวที่ ญี่ปุ่น หนึ่งวัน มีผู้พบฝูงงูเลื้อยขึ้นมาบนพื้นดินเป็นจำนวนมาก

5. กบ มีพฤติกรรมเช่นเดียวกับ งู ก่อนเกิดแผ่นดินไหวไม่กี่ชั่วโมง มีคนเห็นกบนับหมื่นตัว พากันอพยพจากที่อยู่เดิมของมัน

6. สุนัข ตอนเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ โกเบ พบว่า สุนัข มีอาการตื่นตระหนกวิ่งไปวิ่งมา บางตัวเคยเลี้ยงในห้องนอนบ้าง เลี้ยงภายในบ้าน ซึ่งไม่เคยให้ออกนอกบ้านเลย กลับแสดงอาการก้าวร้าว และ ต้องการออกไปนอกบ้าน เมื่อเจ้าของสุนัขเปิดประตูบ้าน สุนัขนั้นจะวิ่งอย่างเร็วออกไป โดยไม่หันหลังกลับ อย่างไรก็ตาม สุนัขมีความกตัญญููสูง มักจะกลับมาตายพร้อมเจ้าของสุนัข และ หลายตัวจะเห่าและหอนอย่างไม่มีสาเหตุ โดยมีเสียงค่อนข้างโหยหวนและดัง มีลักษณะเห็นวิญญาณ หรือยมทูต

7. แมว ก่อนเกิดแผ่นดินไหว แมว ส่วนใหญ่จะหาที่หลบ และ ที่ญี่ปุ่นมีคำโบราณกล่าวไว้ว่าก่อนแผ่นดินไหว แมว จะปีนขึ้นต้นไม้สูงและก็มีคนเห็นเช่นนั้นจริงๆ ขณะที่แมวบางตัว แสดงอาการงุ่นง่าน วิ่งไปมา และ ส่งเสียงร้องอย่างกระวนกระวายไม่เหมือนชีวิตประจำวัน

8. หนู ก่อนเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง มีผู้พบ พวกหนูพากันหลบหนีไปหมด ไม่อยู่ในใต้ดินเหมือนเดิม เช่นเดียวกับเหตุการณ์ ก่อนแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ โกเบ พวกหนูก็หลบหนีเช่นกัน และ ก่อนเกิดแผ่นดินไหว จะมีหนูติดกับดักเพิ่มขึ้น และ หนูบางตัวก็วิ่งพล่านไปทั่ว

ผู้ใดพบเห็นสัตว์ดังกล่าว แสดงพฤติกรรมผิดปกติ ก็ขอให้รีบบอกต่อโดยเร็ว อย่าเก็บเรื่องดังกล่าวไว้ที่ตนและพรรคพวกที่ใกล้ชิดเท่านั้น หรือ หากเห็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากเดิมของสัตว์เช่นว่า และ สัตว์อื่นๆ อีกบางชนิด ให้รีบกระจายข่าวสารโดยเร็ว ไม่รู้จะไปบอกใคร ให้บอกไปที่รายการร่วมด้วยช่วยกัน จากนั้น ให้เร่งตรวจดูเก็บข้าวของ และรวบรวมของรักของหวงโดยเร็ว เพราะอาจมีภัยพิบัติกำลังรอคอยอยู่ก็ได้ กรุณาอย่าประมาทนะครับ

เห็นความผิดปกติของสัตว์ต่างๆ ที่แสดงความผิดปกติ หรือ ส่อแววว่าน่าจะมีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นติดตามมา ในชาติบ้านเมืองของเรา หรือ ในหมู่บ้านในชุมชนที่เรา หรือ ญาติพี่น้องของเราอยู่อาศัย ให้ท่านรีบทำการแจ้ง หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติ ตามหมายเลขโทรศัพท์ต่าง ๆ 12 แห่ง เช่น

1. ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สายด่วน 1860
2. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย สายด่วน 1784
3. กองธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สายด่วน 0-2202-3611
4. ส่วนควบคุมไฟป่า สำนักป้องกันปราบปราม และควบคุมไฟป่า สายด่วน1362
5. ศูนย์นเรนทร และ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน สายด่วน 1669
6. มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ) ยามยาก สำนักงานอาสากาชาด สภากาชาดไทย โทร. 0-2297-5195
7. สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย โทร. 0-2256-4427-9
8. ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กระทรวงกลาโหม โทร 0-2281-6404
9. ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพบก โทร. 0-2297-7773
10. ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพเรือ โทร. 0-2475-4238
11. ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพอากาศ โทร. 0-2534-5456
12. ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา โทร. 0-2282-6686
หรือ โทรแจ้งมาที่วิทยากร ที่ 08-1642-3782 เพื่อช่วยตรวจสอบให้ก็ได้

ตัวบ่งชื้หรือลักษณะเตือนภัยเกิดแผ่นดินยุบมี 3 อย่าง

1. สังเกตได้จาก การได้ยินเสียงดังคล้ายดินถล่ม มาจากใต้ดิน
2. บริเวณนั้น มีนํ้าผุดขึ้นมาจากใต้ดิน โดยไม่มีสาเหตุ และ
3. มักมีรอยแตก คล้ายร่างแหหรือใยแมงมุม ยาว 3 - 5 เมตร ในบริเวณนั้น

ผอ.สำนักธรณีวิทยา เตือนว่า

ในเมืองไทย มีพื้นที่ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงเกิดแผ่นดินยุบตัว หลังเกิดแผ่นดินไหว มีมากถึง 49 จังหวัด

จังหวัดที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินยุบสูง มี 23 จังหวัด (บางพื้นที่ของจังหวัดที่กล่าวถึง มิใช่ยุบทั้งจังหวัด) ได้แก่ กาญจนบุรี นครราชสีมา เพชรบูรณ์ สระแก้ว ขอนแก่น นครสวรรค์ แม่ฮ่องสอน สุโขทัย ฉะเชิงเทรา น่าน ระนอง สุราษฎร์ธานี ชัยนาท ปราจีนบุรี ราชบุรี อุดรธานี ชุมพร พะเยา ลำปาง อุทัยธานี เชียงใหม่ พัทลุง และ เลย

จังหวัดที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินยุบ แต่ไม่ถึงกับเสี่ยงสูง มี 26 จังหวัด (หมายถึงบางพื้นที่ของจังหวัดที่กล่าวถึง มิใช่ยุบทั้งจังหวัด) คือ กระบี่ ตาก สตูล นครศรีธรรมราช เพชรบุรี กำแพงเพชร แพร่ สระบุรี จันทบุรี นราธิวาส ยะลา สุพรรณบุรี ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระยอง หนองบัวลำภู ชัยภูมิ ปัตตานี ลพบุรี อุตรดิตถ์ เชียงราย พังงา ลำพูน ตรัง สงขลา และ พิษณุโลก

แผ่นดินถล่ม” (Landslide)

นอกจากแผ่นดินยุบเป็นปรากฏการณ์ที่อาจเกิดขึ้นภายหลังแผ่นดินไหวรุนแรง คือแผ่นดินถล่ม” (Landslide) อาจเป็นอีกของแถมตามมา

• “แผ่นดินถล่มหมายถึง ภาวะการเคลื่อนที่ของแผ่นดิน เป็นกระบวนการซึ่งเกี่ยวเนื่องกับ การเคลื่อนที่ของดิน หรือ หิน ตามแนวลาดชัน โดยมีแรงดึงดูดของโลกเข้ามาเกี่ยวการเคลื่อนที่ของมวลดินหรือหิน อาจมีความเร็วตั้งแต่ปานกลางจนถึงเร็วมาก

เป็นเรื่องที่ควรรับรู้ไว้แต่เนิ่นๆ และ ขอให้ท่านสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบบริเวณที่อยู่อาศัยของท่าน เพื่อปกป้องบุคคลที่ท่านรักและปรารถนาดีไว้ล่วงหน้าด้วย

คำกลอนพยากรณ์ที่สําคัญ ขณะนี้คาดว่าจะเกิดครบในปี 2560-2561

คือดาวเดือนดินฟ้าจะอาเพศ อุบัติเหตุเกิดทั่วทุกทิศาน
มหาเมฆจะลุกเป็นเพลิงกาฬ เกิดนิมิตพิสดารทุกบ้านเมือง
พระคงคาจะแดงเดือดดั่งเลือดนก อกแผ่นดินเป็นบ้าฟ้าจะเหลือง
ผีป่าจะวิ่งเข้าสิงเมือง ผีเมืองจะออกไปอยู่ไพร
พระเสื้อเมืองจะเอาตัวหนี พระกาฬกลีจะเข้ามาเป็นไส้
พระธรณีจะตีอกรํ่าไห้ อกพระกาฬจะไหม้อยู่เกรียมกรม
ในลักษณะทำนายไว้บ่อห่อนผิด เมื่อพินิจพิศจะเห็นสม
มิใช่เทศกาลร้อนก็ร้อนระงม มิใช่เทศกาลลมฝนก็อุบัติ
ทุกต้นไม้หย่อมหญ้าสารพัด เกิดวิบัตินานาทั่วสากล
เทวดาซึ่งรักษาพระศาสนา จะรักษาแต่ฝ่ายอกุศล
สัปบุรุษจะแพ้แก่ทรชน มิตรตนจะฆ่าซึ่งความรัก
ภรรยาจะฆ่าซึ่งคุณผัว คนชั่วจะมล้างผู้มีศักดิ์
ลูกศิษย์จะสู้ครูพัก จะหาญหักผู้ใหญ่ให้เป็นน้อย
ผู้มีศีลจะเสียซึ่งอำนาจ นักปราชญ์จะตกตํ่าต้อย
กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย นํ้าเต้าอันลอยนั้นจะถอยจม
ผู้มีตระกูลจะสูญเผ่า เพราะจัณฑาลมันเข้ามาเสพสม
ผู้มีศีลจะเสียซึ่งอารมณ์ เพราะสมัครสมาคมด้วยมารยา
ผู้กล้าจะเสื่อมใจหาญ จะสาบสูญวิชาการทั้งปวงสรรพ
ผู้มีสินจะถอยจากทรัพย์ สัปบุรุษจะอับซึ่งนํ้าใจ
ทั้งอายุจะถอยเคลื่อนจากเดือนปี ประเวณีจะแปรปรวนตามวิสัย
ทั้งข้าวก็จะยากหมากจะแพง สารพันจะแห้งแล้งไปทุกที่
จะบังเกิดทรพิษมิคสัญญี ฝูงผีจะวิ่งเข้าปลอมคน
เขตคานประเทศธานี จะเกิดการกลีทุกแห่งหน
จะอ้างว้างอกใจทั้งไพร่พล จะสาละวนถ้วนทั้งหญิงชาย
จะร้อนอกสมณาประชาราษฎร์ จะเกิดเข็ญเป็นอุบาทว์นั้นมากหลาย
จะรบราฆ่าฟันกันมากมาย ฝูงคนจะล้มตายลงเป็นเบือ
ทางนํ้าจะแห้งเป็นทางบก เวียงวังจะรกเป็นป่าเสือ
บ้านเมืองที่เคยเกษมสุข แสนสนุกยิ่งลํ้าเมืองสวรรค์
จะเป็นเมืองแพศยาอาธรรม์ นับวันจะเสื่อมสูญเอยฯ

จากเรื่องอาเพศ 16 ประการดังกล่าวข้างต้น เป็นเรื่องของการพิจารณา ความเปลี่ยนแปลงของสังคม ที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่เลวร้าย ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หากคนไทยยังทำอะไรขาดสติเหมือนในปัจจุบัน มีแต่ความประมาทในการดำเนินชีวิต เชื่อว่า ในปี 2560-2561 ประชากรโลก คงจะได้พบอาเพศ 16 ประการนี้ครบ คนทั่วไปทั้งหลาย จักได้เผชิญชะตากรรม อันเป็นบ่วงกรรมร่วมกันในอาเพศทั้ง 16 ประการ ค่อนข้างแน่

สิ่งที่ท่านควรดำเนินการ มีดังนี้

1. ละเว้นในการ คิดชั่ว พูดชั่ว และ ทำความชั่ว
2. คิดดี พูดดี และ ทำความดี สร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในสังคมไทย
3. ทำจิตให้สงบเย็น และ บริสุทธิ์ผ่องใส นึกถึงบุญ หรือ กรรมดีของเรา

ทุกคืนก่อนนอน และ ทุกเช้าก่อนลุกจากที่นอน ต้องเริ่มฝึกตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฝึกให้ชํานิชํานาญ นึกปุ๊บเห็นปั๊บได้ ท่านปิดประตูนรก เปิดประตูสวรรค์ แน่นอน

ท่านต้องการ พูดอะไร ทำอะไร ให้อะไร แก่ คุณพ่อคุณแม่ สามี/ภริยา บุตรธิดา ลุงป้าน้าอา ปู่ย่าตายาย เพื่อนสนิทมิตรสหาย ผู้ที่เคยมีบุญคุณแก่ท่าน รวมทั้งผู้ที่ท่านเคยสร้างความทุกข์ร้อนให้แก่เขา และท้ายที่สุด คือท่านต้องการทำภารกิจสุดท้ายในเรื่องใดให้แก่ตัวท่านเอง หรือ ต้องการสภาวะจิตสุดท้าย ในรูปอาสันนกรรมใด เพื่อเป็นพลังขับส่งจิตวิญญาณท่านไปสู่ภพภูมิใด ก็ให้ลงมือทำในวันนี้ทันที ทำทุกวัน จนกว่าวันมหันตภัยจะมาถึง

ให้สงวนในช่วง 4 ชั่วโมงสุดท้ายของชีวิต ในการทำจิตให้สงบเย็น สะอาด สว่าง ตัดภาระความกังวลทั้งปวง

เราต้องเร่งสร้าง อริยทรัพย์ เพื่อเป็นสะพานเชื่อมโยงไปสู่ภพหน้าให้ได้มากที่สุด จิตของเราต้องมีสติมั่นคงอยู่กับร่างกายของเรา ไม่ต้องรับรู้เหตุการณ์ภายนอกทั้งสิ้น

ในช่วงเวลาดังกล่าว ท่านย่อมมีศีล 5 เต็มเปี่ยมในเบื้องต้นนั้น อย่างน้อยที่สุด เมื่อท่านละสังขารในชาตินี้ ท่านจะมีมนุษยสมบัติเต็ม ไม่ว่าธนสารสมบัติ โภคยสมบัติ ปฏิภาณสมบัติ และบริวารสมบัติ

หากจิตท่านมีความละเอียดในความสงบ เมื่อท่านละสังขารในชาติปัจจุบัน จะเป็นพลังนำส่งให้ท่านไปอุบัติบังเกิดเป็นเทพยดาได้เลย ซึ่งมีถึง 6 ชั้นสวรรค์

ในระหว่างที่จิตท่านสงบนิ่ง ถ้าจิตท่านมี องค์ 5

อันประกอบด้วย  1. มีวิตก 2. มีวิจารณ์ หรือ 1. มีตรึก 2. มีตรอง 3. มีปีติ หรือ มีความอิ่มใจ 4. มีความสุขสบายอันเกิดจากความสงบ และ 5. มีจิตนิ่งเป็นหนึ่งเดียว ที่เรียกว่า เอกัคคตา เท่านี้ เมื่อท่านละสังขารในชาติปัจจุบัน ก็จะเป็นพลังนำส่งให้ท่านไปอุบัติบังเกิดเป็นพรหม หรือ พระพรหมในชั้นที่หนึ่งแล้ว

หากจิตท่านละเอียดมากขึ้น เหลือเพียงองค์สาม อันประกอบด้วย การละวิตกวิจารณ์ได้ ในช่วงดังกล่าว จะไม่มีคำภาวนาใด ๆ เป็นสิ่งเกาะเกี่ยวจิตใจ แต่จิตของท่านมีแต่ ติสุขและเอกัคคตา เท่านั้น เมื่อท่านละสังขารในชาติปัจจุบัน ก็จะเป็นพลังนำส่งให้ท่านไปอุบัติบังเกิดเป็นพรหมชั้นที่สองแล้ว
(ซึ่งเป็นชั้นเดียวกันกับ ท่านท้าวมหาพรหม ที่ประชาชนจำลองมากราบไหว้บูชา ซึ่งอยู่หน้าโรงแรมเอราวัณ สี่แยกราชประสงค์)

หากจิตท่านละเอียดมากขึ้น เหลือเพียงองค์สอง อันประกอบด้วย การละวิตกวิจารณ์และปีติได้ เหลือแต่ สุขกับเอกัคคตา เท่านั้น เมื่อท่านละสังขารในชาติปัจจุบัน ก็จะเป็นพลังนำส่งให้ท่าน ไปอุบัติบังเกิดเป็นพรหมชั้นที่สามแล้ว

หากจิตท่านละเอียดมากขึ้น เหลือเพียงองค์สอง อันประกอบด้วย การละวิตกวิจารณ์ ปีติและสุขได้ เหลือแต่ อุเบกขากับเอกัคคตา เท่านั้น เมื่อท่านละสังขารในชาติปัจจุบัน ก็จะเป็นพลังนำส่งให้ท่าน ไปอุบัติบังเกิดเป็นพรหมชั้นที่สี่แล้ว เสวยสุขนับแสนปี แค่นี้พอก่อนก็แล้วกัน

แต่ท้ายสุด เมื่อหมดบุญบารมี ก็ต้องกลับมาชดใช้ส่วนที่เป็นกรรมเก่าที่ไม่ดี มาเวียนว่ายตายเกิด ทั้งในสุคติภูมิและทุคติภูมิ เสวยทุกข์สุขระคนกันไป

หากท่านใดมีจริตแก่กล้า ไม่ต้องการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสงสารอีก หรือ ไม่ไปอุบัติบังเกิดเป็นเทพพรหมแล้ว เห็นในสามัญญลักษณะที่แท้จริงว่า ทุกสิ่งที่มีเกิด(ปฏิสนธิ) ย่อมต้อง มีแก่ มีเจ็บ และ มีตาย (หรือมีจุติ) เป็นสิ่งปกติในสามภพ ( นรก / มนุษย์ / เทพพรหม ) ท่านก็ต้องถือปฏิบัติในอริยสัจสี่ อย่างมั่นคง เข้าใจอย่างถ่องแท้

และปฏิบัติตามในมรรค มีองค์แปด อย่างถูกต้อง จริงจัง และต่อเนื่อง เพื่อการละสังโยชน์ให้ได้ ทุกสิ่งมิใช่การรู้จักและอธิบายได้ แต่ขึ้นอยู่ที่ว่า ได้ลงมือปฏิบัติตามอริยสัจ 4 ในแนวทางของมรรค มีองค์ 8 อย่างถูกต้อง จริงจัง และต่อเนื่อง แล้วหรือยัง ?

หากยังไม่เคย เริ่มลงมือละ หรือ ตั้งใจที่จะลด อย่างจริงจัง เพียงแต่ชอบที่จะพูดพล่อยปาก เพื่อยกตนข่มผู้อื่นเท่านั้น ว่าจะไม่มาเกิดเป็นคนอีกแล้ว
(เสมือนว่า ปฏิบัติจนได้อรหัตผล บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ดับกิเลสกองทุกข์ได้สิ้นเชิงแล้ว ไม่มีเชื้อไฟกิเลสที่จะทำให้กิเลสกลับมาได้อีก)

ไม่ว่า โลภ โกรธ หลง แต่ในความเป็นจริง ในชีวิตประจำวัน ยังพอกหนาไปด้วยกิเลศ มีทั้งโลภ ทั้งโกรธ ทั้งหลง ผู้ที่พูดเช่นนั้น อาจได้ตามการพูด คือ อาจหมดโอกาสมาเกิดเป็นมนุษย์จริง เพราะบุคคลเช่นว่านั้น เขาต้องไปอุบัติบังเกิดในนรกภูมิ เสวยทุกขเวทนานับแสนปี ในการเป็นสัตว์นรก อย่างมากในบางช่วงของการเวียนว่ายตายเกิด ก็อาจมาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานที่ใกล้ชิดมนุษย์ เท่านั้น เป็นสิ่งที่ครูบาอาจารย์ท่านขอให้ผู้เขียนช่วยเตือนสติแก่ผู้ที่ชอบพูด ในลักษณะดังกล่าว

ในการปฏิบัติเข้าสู่แดนพุทธภูมิ โดยเข้าสู่การเป็น พระโสดาบัน พระสกิทาคามี และพระอนาคามี ไม่ยากมากนัก หากเข้าใจในพระธรรมคำสอนของพระบรมศาสดา

ระดับโสดาบัน นั้นจิตของท่านควรตระหนักชัดว่า อุปาทานขันธ์ 5 นั้นไม่ดี จิตของท่านต้องตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่า จะลดสังโยชน์ 3 ให้เหลือเบาบางที่สุด ซึ่งได้แก่

1. ลดสักกายทิฎฐิ ลดความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน ลดการถือเรื่องตัวกู ของกู มีการปล่อยวางเรื่องต่างๆ ได้ค่อนข้างมาก
2. ลดวิจิกิจฉา ลดความสงสัยไม่แน่ใจ ในคำสอนของพระบรมศาสดา
3. ลดสีลพตปรามาส งดการถือปฏิบัติตาม ในสิ่งงมงายที่ไม่ถูกต้อง โดยตั้งใจปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์

เป็นขั้นตอนลด ความโลภ ความโกรธ และ ความหลง ให้เหลือน้อยในจิตใจ แต่ยังคงมีเหลืออยู่บ้าง

สำหรับการเป็นพระอริยะเจ้า ในระดับสกิทาคามี นั้นจะต้องมีความละเอียดของจิตในการลดสังโยชน์ 3 ได้มากขึ้นกว่าเดิม ให้เหลือน้อยลงไปอีกระดับ เหลือเพียงเบาบางมาก

ในระดับพระอนาคามี นั้นสภาวะจิตต้องเพิ่ม การลดกามราคะและปฏิฆะ ลงได้มากขึ้น คือ เหลือความต้องการทางเพศน้อยมาก แต่ยังมองสิ่งต่าง ๆ ที่สวยงาม รู้ว่าอะไรสวยหรือไม่สวยงามได้อยู่ ราคะจริต ยังมีอยู่บ้าง ยังชอบสิ่งสวยงามอยู่ ลดกิเลสอย่างหยาบๆ ได้หมด

ขอนำมาฝากเพียงเท่านี้ก่อน หากทำได้ตามที่ชี้แนะ ขอท่านจงสบายใจได้เลยว่า โอกาสที่ท่าน จะมาเกิดเป็นมนุษย์ที่ดีกว่าชาติปัจจุบัน โดยมีความสมบูรณ์ทั้ง ธนสารสมบัติ โภคยสมบัติ ปฏิภาณสมบัติ และ บริวารสมบัติ เป็นสิ่งง่ายนิดเดียว ถ้ารู้เทคนิควิธีการที่ถูกต้อง

หรือต้องการไปเสวยสุข เป็นเทพ เป็นพรหม หรือ เข้าสู่กระแสพระนิพพาน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ภายใน 4 ชม. สุดท้ายของชีวิตท่าน

แต่ถ้าโอกาสเปิดช่อง ให้เรามีชีวิตรอดอยู่ต่อไป ก็ขอให้ท่านตั้งใจปฏิบัติตามภารกิจ ในช่วง 4 ชม.เฉียดตาย ในครั้งนี้ รับรองได้ว่า ชีวิตในอนาคตของท่าน จะมีแต่ความเจริญในทางธรรม อย่างแน่นอน ยืนยันได้ว่า ชีวิตหลังความตายของท่านนั้น ท่านจะได้สิ่งต่าง ๆ มากกว่าที่ท่านเคยได้รับมาในชาติปัจจุบัน หลายพันหลายหมื่นเท่าอย่างแน่นอน ท้ายที่สุด

ไม่น่าเชื่อว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว ภายใต้สถานการณ์ที่เรา มีเวลาเหลือก่อนเสียชีวิต เราได้ทำอะไร ๆ ดีกว่าทุกช่วงของชีวิตที่ผ่านมา ทุกสิ่งทุกอย่าง เต็มไปด้วยกุศลกรรมที่ดี ๆ ทั้งนั้น ซึ่งบุญกุศลที่ท่าน ได้คิด ได้พูด ได้ทำ เป็นกองบุญใหญ่มากกว่าบริจาคเงิน สร้างวัด 7 วัด สร้างโบสถ์ 7 หลัง รวมกัน ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญมากในชีวิต เพราะเป็น การปฏิบัติธรรมขั้นอุกฤษณ์ มีทั้ง การแสดงความกตัญญููกตเวทิตาต่อคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งเป็นพระอรหันต์ของลูก มีการให้อภัยทาน มีการทำสมถภาวนา วิปัสสนาภาวนา และ เมตตาภาวนา รวมทั้ง กุศลกรรมต่าง ๆ ตลอด 24 ชั่วโมง

ถ้าท่านต้องการอยู่ในโลกมนุษย์ต่อไป

ท่านต้องฝึกหัดกิน พืช ผัก ผลไม้ ให้มากขึ้น แทนการกินแต่เนื้อสัตว์ เพื่อให้ร่างกายคุ้นเคยกับ อาหารประเภทพืชผัก ซึ่งจะกลายเป็นอาหารหลักในช่วงมีภัยพิบัติใหญ่ เพราะสัตว์ที่เป็นอาหารของคน ก็อยู่รอดได้ยากในช่วงนั้น ๆ จะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตามจงทำทุกภารกิจในปัจจุบันให้ดีที่สุด

• “จงรู้หน้าที่ของตน ที่ต้องรับภาระในแต่ละเวลา แต่ละสถานที่ และ ต้องทำให้เต็มที่ตามความรู้ความสามารถที่เรามีทั้งหมด

• “หากจะมีอะไรเกิดขึ้น ขนาดฟ้าถล่มดินทลายก็ตาม เราต้องพร้อมจะตอบได้ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราได้พยายามทั้ง การคิด การพูด และ การกระทำ ในเรื่องต่างๆที่เป็นกุศล ที่ประกอบไปด้วย ความเมตตา ปรารถนาให้คนอื่นมีความสุข ประกอบไปด้วยกรุณา ปรารถนาให้คนอื่นพ้นจากความทุกข์ ยินดีกับทุกคนที่ได้ดี กระทำทุกอย่างที่เป็นสิ่งที่ดี อย่างดีที่สุดแล้ว ใช่หรือไม่ เพียงไร หากยังไม่ใช่ เราจะต้องคิดใหม่ ทำใหม่ และ พูดใหม่ ให้สอดคล้องกับแนวทางดังกล่าวให้มากที่สุด เท่าที่เรามีสติระลึกได้

ขอพลังแห่งความดีงาม การประกอบกรรมดี ของประชาชนคนในชาติ ทุกหมู่เหล่า ร่วมด้วยช่วยกัน สวดมนต์ ทำสมาธิ แผเมตตา ตั้งจิตที่มีความปรารถนาดีต่อกันและกัน ขอให้มีความรัก ในเพื่อนบ้าน เพื่อนในชุมชน เพื่อนในสังคม เพื่อนร่วมชาติ และ เพื่อนร่วมโลก ให้มากกว่าที่เคยรู้สึกที่เคยกระทำ ขอให้มีความชวยเหลือเกื้อกูลกันให้มากกว่าเดิม

มวลความดี จะเป็นพลังทิพย์ ช่วยให้ครูบาอาจารย์และผู้มีฤทธิ์ เพิ่มฤทธิ์การช่วยเหลือมนุษย์ชาติได้มากขึ้น ภัยพิบัติจะได้ลดลง และ เลื่อนเวลาออกไป อาจประสบผลสําเร็จ ไม่ต้องได้พบเห็นกันในชาตินี้ ก็อาจเป็นได้

ขอกราบเรียนว่า เรื่องเหล่านี้ มิใชเรื่องเพ้อเจ้อเหลวไหล แต่ท่านมีสิทธิจะไม่เชื่อได้ ซึ่งท่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่า ไม่สําคัญ เพียงแตขอให้ท่านเป็นคนดีในสังคม ข้าพเจ้าก็ขอกราบขอบคุณแล้ว

พระคาถา เตรียมรับมือกับภัยพิบัติ

ขณะเกิดภัยพิบัติ หนีภัยพิบัติ เผชิญภัยพิบัติ และ ขอลาภัยพิบัติ จากเกจิอาจารย์ที่เป็นอริยสงฆ์ และ การอธิษฐานจิต รวบรวมโดย นายมงคล กริชติทายาวุธ

ขอเชิญชวน ทานพุทธศาสนิกชนทุกทาน ฝกฝนทองจำใหขึ้นใจ จะได้นำไปใช้ได้ในคราวจำเป็น เพื่อประโยชน์แก่ตัวทา่นเอง ท่านจะบอกต่อ ก็เป็นการสร้างบารมีเป็นธรรมทานของท่านร่วมกับข้าพเจ้า ไม่บอกต่อ หรือ ไม่ศรัทธา ก็ไม่ว่ากัน ไมมีการสาปแช่งใดๆ บุญบาป หรือ กรรมของใคร ก็ย่อมต้องเป็นของผู้นั้นเองอยู่แล้ว

ข้าพเจ้าเห็นว่า เป็นพระคาถาที่ดีมาก ที่มีประโยชนมาก ท่านไม่ต้องลงทุนไปทำบุญที่ใดเพื่อให้ได้มา ไม่ต้องไปแสวงหาวัตถุมงคลใดๆ ในการป้องกันภัยในอนาคตอันใกลไม่ต้องเสียเวลา ไม่ต้องเสียทรัพยสินเงินทอง ข้าพเจ้ารวบรวมมาให้ท่านแล้ว

เพียงแต่าน ต้องตั้งใจท่องพระคาถา ด้วยความตั้งใจ ด้วยจิตที่จรดจอ ตอพระคาถา โดยการออกเสียงทีละคำ ให้จิตจรดจ่อที่ลิ้นปี่ หรือ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ด เหนือสะดือ 2 นิ้วมือ ของตัวท่านเอง

้ามท่อง แบบนกแก้นกขุนทอง เวลาท่องพระคาถานี้ทุกครั้ง ต้องตั้งจิตให้มีสมาธิ ท่องทีละคำ ให้ได้ยินทีละคำ ไม่้องออกเสียงก็ได้ หากมีคนอื่นอยูใกล้ๆด้วย หากเขามิได้ท่องไปด้วยกันกับท่าน แต้าทุกคนที่อยู่ด้วยกันนั้น ณ ที่นั้นๆ ต้องการท่องไปพร้อมกัน ก็ให้ท่องโดยการเปล่งเสียงออกมา ยิ่งทำให้มีพลังป้องกันภัยพิบัติที่เรียกว่า เป็นการสร้างอภิจิตมากขึ้น

ขวนขวายหามาให้ท่าน โดยท่านไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนให้แก่ข้าพเจ้า ขอให้ท่านเป็นคนดี โดยรักษาศีล 5 ให้เป็นปกติ ก็ขอบคุณท่านแล้ว หรือ ท่านทำบุญ หรือ ทำดีครั้งใด ช่วยแผ่อุทิศส่วนกุศลให้ เจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้าและครอบครัวของนายมงคล กริชติทายาวุธบ้าง ก็จักขอบคุณยิ่งแล้ว

พระคาถาท่องไว้ก่อน เตรียมรับมือกับภัยพิบัติ

นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)

สัมปะจิตฉามิ นาสังสิโม พรหมมาจะมหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ พรหมมาจะมหาเทวา อะภิลาภา ภะวันตุเม มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุเม มิเตพาหุหะติ พุทธะ มะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมานะ พุทธัสสะ สวาโหม สัมปะติจฉามิ เพ็ง เพ็ง พา พา หา หา ฤา ฤา
( สวด 3 จบ )

หลวงพ่อพระราชพรหมยานเถระ เจ้าอาวาสวัดทาซุง (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ) เมตตามอบให้พุทธบริษัท โดยในระหว่างที่ภัยพิบัติยังมาไม่ถึง ก็จะมีลาภผลไหลมาเทมา เพื่อเอาไว้จับ จ่ายใช้สอยในช่วงมีภัยพิบัติ

พระคาถาทองในขณะเกิดภัยพิบัติ

ทิตะศีลา คันธะมังกะโร กะระกะลา สาสะติ โสตะถิโห คะหะคะเน

หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถํ้ากลองเพล เมตตามอบให้พุทธบริษัท เพื่อให้มีความปลอดภัย

พระคาถาท่องเพื่อหลีกหนีภัยพิบัติ

พุทธังแคล้วคลาด พระเจ้าย่างบาท อิติปโส นะโมพุทธายะ
ธัมมังแคลวคลาด พระเจ้าย่างบาท อิติปโส นะโมพุทธายะ
สังฆังแคลวคลาด พระเจ้าย่างบาท อิติปโส นะโมพุทธายะ

หลวงปู่่่ปาน โสนันโท แหงวัดบางนมโค เมตตามอบให้พุทธบริษัท เพื่อให้แคล้วคลาดปลอดภัย

พระคาถาท่องเพื่อให้แคล้วคลาดจากอันตรายที่จะมาถึง

หายใจเข้าภาวนาว่สัมปะติฏ หายใจออกภาวนาว่ฉามิ

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เจาอาวาสวัดทาซุง เมตตามอบให้พุทธบริษัท

พระคาถาท่องในขณะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ

นะมะนะอะ กอ ออ นอ อะ นอ กอ นะกะ นะอะกะอัง
อุมิอะมิมะหิสุตัง สุนะพุทธัง สุอะนะอะ

บูรพาจารย์ เมตตามอบให้พุทธบริษัท ให้แคล้วคลาดจากภัยพิบัติที่จะมาถึง

พระคาถาท่องเพื่อลาจากภัยพิบัติ

ปะโตเมตัง ปะระชีวินัง สุขะโตจุติ จิตตะเมตะ นิพพานัง สุขะโตจุติ

พระยายมราช เมตตามอบให้พุทธบริษัท ผ่านมาทาง พระราชพรหมยานเถระ เพื่อนำมาใช้ในกรณีที่จะขอให้ พระยายมราช มีเมตตาไว้ชีวิต

ทั้งหมดนี้ เป็นคาถาสำหรับผู้มีสัมมาทิฏฐิ อย่างน้อย ต้องรักษาศีลให้ได้ 2 อ คือ เวนอทินนาทาน และ เวนสุราเมรัย สำหรับผู้ที่ถือศีล ๕ ได้เป็นปกติ ย่อมมีพลังปกป้องภยันตราย ได้มากกว่

คำอธิษฐานจิตประจำวัน

ขอเชิญชวนท่านใช้คำอธิษฐานจิตประจำวัน ดังนี้

ด้วยบุญกุศล ที่ข้าพเจ้าได้กระทำไว้ดีแล้วในวันนี้ ขอให้้าพเจ้าสมปรารถนา ดังนี้

1. ขอให้้าพเจ้า เป็นผู้ที่ คิดดี พูดดี และ ทำแต่ความดี ด้วยความสุขที่ได้กระทำ และ นำความสุขมาให้แก่ ครอบครัวและสังคม จนสิ้นอายุขัยของข้าพเจ้า

2. ขอให้ข้าพเจ้า อุดมไปด้วย ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ รูปสมบัติ บริวารสมบัติ ปรารถนาสิ่งที่เป็นการเพิ่มบุญบารมี ขอให้สําเร็จเป็นอัศจรรย์โดยพลัน เทอญ

3. ในขณะกำลังจะหมดอายุขัย ขอให้้าพเจ้า มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ นึกถึงได้แต่ความดีที่ได้กระทำไปแล้ว และ ได้ไปอุบัติบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต

4. เมื่อข้าพเจ้าต้องเกิดมาสร้างบารมีอีก ขอให้ข้าพเจ้า ระลึกชาติได้ รู้เป้าหมายของการเกิด และ ได้สร้างบุญบารมีที่บริสุทธิ์ ทับทวียิ่งขึ้นไป

5. ขอให้ข้าพเจ้า มีดวงปัญญา สอนตัวเองให้ ละชั่ว ทำดี และ ทำจิตใจให้ผ่องใส ได้ตลอดเวลา จนสิ้นอายุขัยของข้าพเจ้าด้วย เทอญ

คำอธิษฐานจิตที่กว้างข้วาง

หากท่านพุทธศาสนิกชนท่านใด ทำกุศลผลบุญในครั้งใดแล้ว นำไปอธิษฐาน มีโอกาสได้สัมฤทธิผลสูง จึงขอนำมาฝาก ไม่แน่ใจว่า เป็นร้อยแก้วของท่านใด แต่ก็ต้องขอกราบขอบพระคุณไว้ ณ ที่นี้

้าพเจ้า ขออาราธนาบารมีของ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระสาวก พระโพธิสัตว์ พระพรหม เทพยดา พอแมครูบาอาจารย์ และ ผู้มีพระคุณทุกท่าน จงมาสถิตอยู่เหนือเศียรเกล้าของข้าพเจ้า ขอให้คำอธิษฐานของข้าพเจ้า มีความศักดิ์สิทธิ์ มีสัมฤทธิผล ทุกประการเทอญ

บุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมา ในอดีตชาติก็ดี ในปัจจุบันชาติก็ดี และ ที่จะบำเพ็ญต่อไป จนกว่าที่จะถึงซึ่งพระนิพพานก็ดี ที่จะให้ผลแก่ข้าพเจ้าเพียงใด ข้าพเจ้าขออุทิศสวนกุศลนั้น ให้แก่จิตวิญญาณทุกดวง ทั้งหมื่นโลกธาตุ แสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล ขอให้ท่านทั้งหลาย จงได้อนุโมทนาในกุศลผลบุญนั้น และ จงพลันบังเกิดเป็นเครื่องสักการะบรรณาการอันเป็นทิพย์ ที่ท่านยินดีพอใจ เป็นร้อยเท่าพันทวี ที่ท่านต้องการ

ขอให้ท่าน จงเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธรรมสารสมบัติ พิพัฒนมงคล สมบูรณ์พูนผล ด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข และ ท่านคิดปรารถนาสิ่งใดที่ดีงาม ขอจงได้สําเร็จสมความปรารถนา ทุกสิ่งทุกประการตลอดเวลา

ขออัญเชิญท่าน ได้โปรดสถิตอยู่ในฐานะ บิดามารดาของข้าพเจ้า ช่วยบำรุงรักษาข้าพเจ้า ซึ่งอยูในฐานะบุตรของท่าน ให้ปราศจากภยันตรายใดๆ ที่จะมาแผ้วพาน ขอให้ข้าพเจ้า เจริญรุ่งเรืองในทุกสิ่งทุกประการ จนกว่าจะเขาถึงซึ่งพระนิพพาน ในอนาคตกาลอันใกลนี้ ด้วยเทอญ

อนึ่ง บุญใดที่ทานทั้งหลาย ได้บำเพ็ญมาทุกภพทุกชาติ ข้าพเจ้าขออนุโมทนา ขอใหข้าพเจ้า ได้มีส่วนแห่งบุญนั้นทุกประการ เทอญ

สิ่งใดที่ข้าพเจ้า ได้เคยล่วงเกินท่านทั้งหลาย ด้วย กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ในอดีตชาติก็ดี ในปัจจุบันชาติก็ดี ข้าพเจ้าขอกราบแทบเท้าขอขมา ขอท่านทั้งหลาย ได้โปรดเมตตา ยกโทษอโหสิกรรมให้แก่้าพเจ้าด้วย เทอญ

สิ่งใดที่ท่านทั้งหลาย ได้เคยล่วงเกินข้าพเจ้ามา ในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี ข้าพเจ้าขอยกโทษอโหสิกรรม ให้ทั้งหมดทั้งสิ้น

ขอท่านทั้งหลาย ได้โปรดช่วยเสริมพลังบารมีแก่้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้าคิดจะประกอบกิจการอันใด ที่ไม่ผิดทำนองคลองธรรม ขอให้ พลันสําเร็จ พลันสําเร็จ และ พลันสำเร็จ เป็นอัศจรรย์เหนือมนุษยทั้งปวงด้วย เทอญ

ขออัญเชิญ พระศรีอาริย์ เจ้าแมกวนอิม พระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬ ท้าวจตุโลกบาลทั้ง4 แม่พระธรณี แม่พระคงคา แม่พระเพลิง แม่พระพาย พระโพธิสัตวทั้งหลาย เทวดาทั้งหลาย นายนิริยบาลทั้งหลาย ท่านผู้มีตาทิพย์หูทิพย์ใจทิพย์ทั้งหลาย ท่านผู้มีวิชชาสาม อภิญญาหก ปฏิสัมภิทาทั้งหลาย

จงมารับเอาส่วนกุศล และ เป็นพยานในการสร้างกุศล และ อุทิศสวนกุศล พร้อมทั้ง นำข่าวคำอธิษฐานของข้าพเจ้านี้ ไปบอกกล่าวแก่สรรพสัตว ให้รู้ทั่วหน้ากัน ทุกภูมิทุกชั้น และ ชวยทำคำอธิษฐานนี้ ให้เป็นจริงด้วยเทอญ

ด้วยความปรารถนาดี จาก อ.มงคล กริชติทายาวุธ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น