วันเสาร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2555

1. เตรียมกาย เตือนใจ รับมือภัยพิบัติ 2012 / 25 กุมภาพันธ์ 2555

เตรียมกาย เตือนใจ ในการรับมือกับภัยพิบัติ
ในปี 2012-2014 (พ.ศ. 2555-2557)

รวบรวมและนำมาบรรยาย โดย นายมงคล กริชติทายาวุธ
อดีต Senior Vice President บมจ. ธนาคารกรุงไทย
และ ผู้อำนวยการหลักสูตรวิปัสสนากรรมฐาน
เจ้าของเว็บไซต์ mongkoldham.com
และ ที่ปรึกษาสมาคมค้นคว้าทางจิตแห่งประเทศไทย
วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา 13.00 – 16.00 น.
ณ ห้องสีดา โรงแรมรัตนโกสินทร์ ถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ
…………………………………………………………………..

เรียบเรียงข้อมูลสำคัญบางส่วนมาจาก 27 แหล่งข้อมูล ได้แก่

1. ดร.สมิทธ์ ธรรมสโรช ประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ
2. รศ.ดร.เสรี ศุกราทิตย์ ผอ. ศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร
3. รศ.ดร.ปัญญา จารุศิริ ผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยาและแผ่นดินไหว จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
4. ศ.ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้ได้รับการประกาศเกียรติคุณในหอเกียรติยศขององค์การนาซ่าว่า เป็นนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นชั้นนำของโลก
5. ดร.ก้องภพ อยู่เย็น วิศวกรคนไทยที่จบปริญญาเอกทางวิศวกรรมไฟฟ้าจากจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา ปัจจุบันทำงานใน องค์การนาซ่า สหรัฐอเมริกา
6. พระอาจารย์รัตน์ รัตนญาโณ เจ้าอาวาสวัดดอยเกิ้ง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่สายวิปัสสนากรรมฐาน ในสายสมาธิหมุน และ พลังปิรามิด
7. น.อ. สมศักด์ิ ขาวสุวรรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ
8. เรื่อง ด.ช.ปลาบู่ (ตีความเวลาเกิดเหตุจากเรื่องดังกล่าวที่ต่างมุม)
9. ข้อมูลจากกรมชลประทาน
10. สรุปจากบันทึกของ พระคุณลุงเชียงใหม่ ผู้มีญาณวิเศษ
11. ข้อมูลจากท่านวัชรธรรม (พระถิรธมโม)
12. คำพยากรณ์ของ นายมาศ เคหาส์นธรรม เจ้าของฉายา ซินแสไฮเทค
13. คำพยากรณ์ของ โหรโสรัจจะ นวลอยู่
14. คำพยากรณ์โดย หมอช้าง ทศพร ศรีตุลา
15. คำพยากรณ์โดย โหรภิญโญ พงศ์เจริญ
16. มหันตภัยจากดาวนิบิรุ
17. ข้อมูลจาก อ. สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา นักวิทยาศาสตร์อีกคนหนึ่งที่ทำงานที่ องค์การนาซ่า สหรัฐอเมริกา
18. เรื่องที่อ้างกันว่า ได้ข้อมูลมาจากองค์การนาซ่า
19. คำทำนายของ หลวงปู่สรวง (เทวดาเล่นดิน)
20. คำตอบจาก พระอาจารย์เกษม อาจิณฺณสีโล
21. คำเตือนจาก ปู่อินทร์ตาทิพย์ เขาตำแย อายุ 109 ปี
22. ข้อมูลจาก หลวงปู่ประเสริฐ
23. โครงการ HAARP อาวุธที่ทรงอิทธิพลต่อชั้นบรรยากาศใกล้โลก ด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง
24. ข้อมูลจาก พระพรหมวชิรญาณ* (เจ้าอาวาสวัดยานนาวา)
25 ข้อมูลจาก ศิษย์อาจารย์สันทัด มูลเครือคำ สำนักปฏิบัติธรรม หมื่นครั้น จังหวัดลำปาง
26 ข้อมูลจาก พระอาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐาน อีกรูปหนึ่ง
27 ข้อมูลจาก อ.คณานันท์ ทวีโภค อ.สอนสมาธิ และ หัวหน้ากลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ ห้องภัยพิบัติและการเตรียมการ ของ เว็บไซต์พลังจิตดอทคอม

ทำนายทายทักเรื่องเลวร้าย ที่จะเกิดขึ้นในปี 2012 - 2014 หรือ ปี พ.ศ. 2555 - 2557 ส่วนใหญ่เป็นไปในทางลบ เกือบทุกแหล่งข้อมูล

ประการสำคัญที่สุด คือ ถ้าเป็นไปตามคำทำนาย หรือ การคาดการณ์ ท่านต้องการให้ตัวท่าน ครอบครัวของท่าน ญาติสนิทมิตรสหายที่ท่านรักและผูกพัน สามารถอยู่รอดปลอดภัย ผ่านพ้นสถานการณ์เลวร้าย ดังกล่าวได้เพียงไร แต่ถ้าไม่มีเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้น จากปัจจัยใดๆ ก็ตาม สิ่งที่แนะนำในวันนี้ มีแต่ทำให้ท่านมีความเจริญก้าวหน้า ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ในการดำเนินชีวิตต่อไป จะไม่เป็นการสูญเปล่า

ประการแรก เราควรที่จะตระหนักรู้ในปัญหา ไม่ตื่นตระหนกในทุกข่าวสารที่เราได้รับทราบมา แต่ทั้งนี้ เราต้องไม่ทำตัวเหมือน นกกระจอกเทศ ไม่รับรู้ปัญหา คือ นกระจอกเทศ นั้นเวลามันมีปัญหา มันชอบที่จะเอาหัวซุกลงในพื้นทราย จะได้ไม่เห็น ไม่ได้ยินในเรื่องราว หรือ เหตุการณ์ใดๆ ที่เกิดขึ้น ในที่สุด มันก็ต้องตายอย่างน่าอนาถ และ

ต้องไม่ทำตัวเหมือน กบที่ตกลงไปในหม้อต้ม ที่ทำตัวตามสบายไปวันๆ ไม่สนใจรับรู้ความแปรปรวนของธรรมชาติ ดังนั้น เมื่อกบมันตกลงไปอยู่ในหม้อต้มนํ้าที่กำลังเริ่มต้มอยู่ นํ้าย่อมอุ่นสบายดี จึงชะล่าใจ ต้องไปดิ้นรนคิดไปเตรียมการเรื่องอื่นๆ ทำไม แต่พอนํ้าร้อนเดือด เสมือนภัยพิบัติมาถึงหน้า แต่หมดแรงกระโดดเสียแล้ว เพราะไม่ได้เตรียมการไว้ล่วงหน้า ในการรับมือกับภัยพิบัติเลย ในที่สุด ก็ต้องตายไปอย่างน่าเวทนา

นั่นคือ สิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้น กับเพื่อนร่วมสังคม และครอบครัวของท่าน เท่านั้นเอง ก็เลยนำเรื่องราวที่ผมทราบ มาบอกกล่าว แต่เราต้องไม่ไปตระหนกจนเกินเหตุ เพียงตระหนักไว้เท่านั้น ว่าสิ่งที่แน่นอนที่สุด คือ ความไม่แน่นอน อย่าประมาทเกินไปว่า สิ่งที่เราไม่เคยเห็น ย่อมไม่มี ย่อมไม่เกิด มีที่ไหน-หิมะจะตกในเมืองไทย มีที่ไหน-พระอาทิตย์จะขึ้นทางตะวันตก มีที่ไหน-ขั้วเหนือจะกลายเป็นขั้วตะวันออก ฯลฯ

ประการที่ 2 ขอให้ท่านเตรียมพร้อม ทั้งสติและปัญญา ย่อมบรรเทาปัญหาเลวร้าย หรือ ความเสียหายให้น้อยลงได้ ขอให้ทุกคนตั้งใจในการละการกระทำใดๆ ที่ขึ้นชื่อว่า ไม่ดี จงกระทำแต่สิ่งที่ดี ทั้งการคิด การพูด และ การกระทำ และขอให้ท่าน จัดสรรเวลาให้ตนเอง ในการสวดมนต์บท ที่ท่านชอบ ที่ท่านศรัทธา และ จัดสรรเวลา ทำจิตให้สงบเย็น ทำให้ได้ทุกๆวัน นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ความดี ทำให้มากๆ หรือ ทำบุญให้มาก บุญนั้นจะช่วยจัดสรรผลดีให้ ประหนึ่งยิ่งให้ ก็ยิ่งได้นั่นเอง กรรมดีมีมาก ระหว่างให้ผลกรรมชั่วย่อมวิ่งตามมาไม่ทัน

กรรมดี จะปรากฏในรูปเทพสังหรณ์ ผ่อนหนักเป็นเบาได้ เหมือนมวลนํ้าจะมาท่วมบ้านเราแน่ ก็จะทำให้เราเกิดสัมมาทิฐิ รีบขนย้ายทรัพย์สินไปไว้ในที่ปลอดภัยมากกว่า ก่อนที่นํ้าจะมาถึง และ อพยพทุกชีวิตในบ้าน ทั้งคนและสัตว์ ให้ไปอยู่ในสถานที่ปลอดภัย ก่อนที่นํ้าจะท่วม หรือ ก่อนเกิดแผ่นดินไหว ก็จะเห็นบรรดาสัตว์ที่มีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอด แสดงปฏิกิริยาให้สังเกตเห็นได้ชัด ช่วยให้เราสามารถอพยพทุกชีวิตในบ้าน ทั้งคนและสัตว์ ให้ไปในสถานที่ปลอดภัยได้ ก่อนเกิดแผ่นดินไหว หรือ ไฟกำลังไหม้จะถึงบ้านเรา ปรากฏว่า มีฝนห่าใหญ่ตกลงมาดับไฟไปหมดสิ้น เป็นต้น

ความดีที่ทำไว้มากๆนั้น ย่อมส่งผลให้เกิด ความสำเร็จ สมหวัง ในการพูด ในการคิด และ ในการกระทำต่างๆ ส่วนกรรมชั่วนั้น หากมาตามทัน ก็จะเป็นตัวตัดรอน ตัวบั่นทอน ในขณะที่กำลังจะประสบความสำเร็จ ทำให้เกิดความไม่สำเร็จ ไม่สมหวัง หรือ เกิดความล้มเหลว พวกเราที่เชื่อเรื่องบุญบาป เรื่องกฎแห่งกรรม เรื่องชาตินี้ชาติหน้า ดีกว่าการไม่เชื่อ แน่นอน หากชาติหน้ามีจริง ก็ได้ไปสวรรค์ หรือ พรหมโลก อย่างเลว ก็เกิดเป็นมนุษย์ที่เพียบพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติ รูปสมบัติ บริวารสมบัติ และ มีสุขภาพที่ดี หากไม่มีชาติหน้า ชาตินี้อย่างน้อย เราก็จะมีความสุข ยามบุญมาวาสนาช่วย ที่ป่วยก็หาย ที่มีทุกข์ก็คลาย

อย่างน้อยที่สุด ที่ท่านต้องฝึกฝน ก็คือ ต้องฝึกความมีสติ เพื่อระวังและป้องกัน ต้องรู้เท่าทัน เพื่อตระหนักในปัญหา เอาไว้แก้ปัญหา และ มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น

พวกเราจำเป็นต้อง เตรียมกาย และ เตือนใจ รับมือกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น เราต้องมีความพร้อม ที่จะละจากโลกใบนี้ ไปในที่ซึ่งดีกว่า มีความสุขมากกว่า เพราะเราตอบได้ว่า เรามีคุณความดีมากพอพร้อมแล้ว ปิดประตูอบายภูมิสนิทแล้ว ทุกๆวัน เราต้องตอบตัวเองได้ว่า เรามีแต่คิดดี พูดดี และ ทำแต่ความดี ตลอดเวลา และทำกับทุกชีวิตที่เราเกี่ยวข้อง อีกทั้งมีจิตใจที่สงบเย็น และผ่องใสทุกเวลา ก็ถือว่าหมดห่วงได้แล้วจริง

หากไม่แน่ใจ เราจำเป็นต้องเร่งฝึก กาย วาจา ใจ ของเราให้มากขึ้น อย่างน้อย ต้องฝึกไม่โกรธใครๆ วางเฉยในสิ่งที่เราไม่พอใจ ข้องคับใจ ไม่สบายใจ ให้อภัย ในความไม่ดีของคนอื่น รู้เท่าทันในเรื่องต่างๆ อย่าง มีสติ มีจิตใจที่สงบ จะแก้ปัญหาต่างๆ สำเร็จได้ด้วยปัญญา

หากเราสามารถเตรียมหา สถานที่อยู่ที่มีความปลอดภัย มากกว่าที่อยู่ในปัจจุบัน เพื่อการอยู่อาศัยในอนาคตได้ ก็ควรเร่งหาไว้ ซื้อไว้ ปลูกไว้ หากทรัพย์สินไม่มากพอ ลองทบทวนดูว่า มีญาติพี่น้องที่จะขอไปพักอาศัยชั่วคราว สัก 3 เดือน ในพื้นที่ใดของญาติสนิทมิตรสหายของเรา ได้หรือไม่ เพียงไร

พื้นที่ ที่มีความปลอดภัยมากที่สุด น่าจะเป็น ภาคอิสาณ เพราะมีรอยเลื่อนน้อยที่สุด หรือ หาวัด หรือ โรงเรียน ที่พอจะมีที่พักให้ใช้เป็น ศูนย์พักพิงชั่วคราว ที่ใดได้บ้าง จะต้องไปเริ่มสร้างสายสัมพันธ์ จะไปร่วมบริจาค ทรัพย์สิน หรือ แรงกาย แรงความคิด ในการมีส่วนร่วมสร้างสรรค์อะไรก็ได้ไว้ก่อน

ต้องคิดเตรียมการเรื่อง อาหารการกินในยามเกิดวิกฤติ ให้พร้อม จะต้องไม่ประมาทในเรื่องต่างๆ ต้องควบคุมดูแลค่าใช้จ่ายให้รัดกุม หากมีเงินทุน ต้องกระจายความเสี่ยงไปในหลายๆ สถานที่ อย่าไปกระจุกตัวที่ใดที่เดียว นับแต่วันนี้เป็นต้นไป

จะต้องเตรียมกระเป๋าเดินทางไว้หลายๆใบ เพื่อใส่สิ่งของจำเป็นให้มากที่สุด เช่น สิ่งของเพื่อการยังชีพ อาทิ เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ถุงนอน ยารักษาโรค อุปกรณ์เดินป่า เช่น ไฟฉาย เชือกเส้นใหญ่ นํ้าดื่มสะอาด อาหารกระป๋อง ฯลฯ ส่วนทรัพย์สินมีค่าต่างๆ เช่น พันธบัตร หุ้นกู้ ใบหุ้น โฉนดที่ดิน เงินสด ทองคำ ของรักของหวง แยกใส่กระเป๋าเป็นใบๆ ไว้ล่วงหน้า รวมทั้ง แผนที่เส้นทาง ทั้งทางตรง ทางลัด ทางอ้อม โดยดูจากแผนที่ล่าสุด ให้เข้าใจไว้ด้วย

เมื่อมีภัยพิบัติมา พ่อแม่พี่น้องคนไหน ใครที่อยู่ใกล้ สามารถหยิบฉวยไปได้เลย ผู้ที่อยู่ไกล ห้ามกลับเข้าบ้านในปัจจุบันที่มีภัยพิบัติ

โดยทุกคนต้องเดินทางไปที่ จุดหมายปลายทางที่นัดพบทันที โดยควรเป็นที่อยู่อาศัย ที่ไม่ต้องพึ่งพาปัจจัยภายนอกได้ จะดีที่สุด ควรรวมกันอยู่เป็นชุมชน ไม่ควรแยกไปอยู่อย่างโดดเดี่ยว หรือ ควรอยู่ รวมๆกัน หลายๆครอบครัว จะได้แบ่งหน้าที่กันได้ตามถนัด เช่น กลุ่มนี้ ดูแลปลูกพืชผักสวนครัว กลุ่มนี้ ปลูกพืชสมุนไพร กลุ่มนี้ ดูแลด้านสาธารณสุขสิ่งแวดล้อม กลุ่มนี้ ดูแลความปลอดภัย เป็นต้น แนะนำให้ไปดูงานที่ โรงเรียนสัตยาไสย ที่ลำนารายณ์ จ.ลพบุรี ที่ ศ.ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา เป็นผู้บริหารสูงสุด และ ท่าน ศ.ดร.อาจองฯ จะจัดเป็น ศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยพิบัติ ในอนาคตด้วย

เมื่อมีภัยพิบัติร้ายแรงเกิดขึ้น ขอยํ้าว่า ห้ามท่านเดินทางกลับที่พักปัจจุบัน ในพื้นที่ที่มีภัยพิบัติเกิดขึ้น มิฉะนั้น ในช่วงเดินทางออกจากที่พัก ถนนทุกสายจะแน่นไปด้วยรถที่วิ่งไม่ได้ จะเดินทางออกจากบ้านไม่ได้ รถจะติดแบบวินาศสันตะโร ให้ทุกคนในครอบครัว แต่ละคนต้องหาทางไปที่จุดหมายปลายทาง โดยเร็วที่สุด หรือ นัดพบจุดที่ 1,2,3,….ระหว่างทาง เป็นต้น
นอกจากนั้น สิ่งที่ท่านควรดำเนินการทันทีในวันนี้ มีดังนี้

1. ถามตัวเองทุกวันว่า วันนี้เราละเว้นในการคิดชั่ว พูดชั่ว และ ทำความชั่ว ทุกอย่างแล้วใช่ไหม
 
2. วันนี้ เรามีแต่ตั้งใจที่จะ คิดดี พูดดี และ ทำความดี สร้างความสามัคคี ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย แล้วใช่ไหม เราไม่พูด หรือ กระทำการใดๆ ให้เกิดความเกลียดชังกัน ไม่อิจฉาริษยาใครๆ ทั้งสิ้น ไม่ส่งต่อข้อมูล ที่จะไปสร้างแรงโกรธเกลียดผู้ใด ในสังคมไทยทั้งสิ้น ใครสร้างความเดือดร้อน ความไม่พอใจให้เรา เราคิดแต่การให้อภัยกันเท่านั้น ใช่ไหม
 
3. วันนี้ เราตั้งใจฝึกจิต ให้สงบเย็น และ บริสุทธ์ิผ่องใส นึกถึงบุญ หรือ กรรมดีของเรา ทุกคืนก่อนนอน และ ทุกเช้าก่อนลุกจากที่นอน แล้วใช่ไหม เราต้องตั้งใจเริ่มฝึก ตั้งแต่วันนี้เป็ นต้นไป ฝึกให้ชำนิชำนาญ นึกปุ๊บเห็นปั๊บได้ ท่านปิดประตูนรก เปิดประตูสวรรค์ แน่นอน
 
4. ท่านต้องการ พูดอะไร ทำอะไร ให้อะไร แก่ คุณพ่อ/คุณแม่ สามี/ภริยา บุตร/ธิดา ลุงป้ า/น้าอา ปู่ย่า/ตายาย เพื่อนสนิทมิตรสหาย ผู้ที่เคยมีบุญคุณแก่ท่าน ได้พูด ได้กระทำอะไร ให้เขามีความสุข มีความพอใจ หรือยัง? หากยัง ให้รีบแสดงความกตัญญูกตเวที โดยทันที ที่สามารถกระทำได้ อย่าผัดวันประกันพรุ่ง รวมทั้ง ผู้ที่ท่านเคยสร้างความทุกข์ร้อนให้แก่เขา จงไปขอโทษเขา ขออโหสิกรรมต่อกัน โดยเร็ว และ
 
5. ท้ายที่สุด คือ ท่านต้องการทำภารกิจสุดท้าย ในเรื่องใด ให้แก่ตัวท่านเอง หรือ ต้องการสภาวะจิตสุดท้าย ในรูปอาสันนกรรมใด คือ ท่านต้องการทำอะไร ก่อนจิตจะออกจากร่างกาย เพื่อเป็นพลังขับส่งจิตวิญญาณท่าน ไปสู่ภพภูมิใด ก็ให้ลงมือฝึกปฏิบัติตั้งแต่วันนี้ทันที ทำทุกวัน จนกว่าวันมหันตภัยจะมาถึง ซึ่งไม่น่าจะนานมากนักแล้ว

ในทุกๆคืนก่อนนอน ท่านต้องเริ่มฝึกสวดมนต์ก่อนนอน และ ต้องฝึกทำจิตให้สงบเย็น สะอาด สว่าง ตัดภาระความกังวลทั้งปวง หายใจเข้า - ออก ยาวๆ ลึกๆ จนหลับไป เราต้องฝึ กจิตของเรา ให้มีสติมั่นคงอยู่กับร่างกายของเรา ไม่ต้องรับรู้เหตุการณ์ภายนอกทั้งสิ้น อย่างน้อยที่สุด เมื่อท่านละสังขารในชาตินี้ ท่านจะมีมนุษยสมบัติเต็ม ไม่ว่ารูปสมบัติ ธนสารสมบัติ โภคยสมบัติ ปฏิภาณสมบัติ และบริวารสมบัติ

แต่ถ้าโอกาสเปิดช่อง ให้เรามีชีวิตรอดอยู่ต่อไป ก็ขอให้ท่านตั้งใจปฏิบัติตามภารกิจ ก่อนการเกิดมหันตภัยในครั้งนี้ รับรองได้ว่า ชีวิตในอนาคตของท่าน จะมีแต่ความเจริญ ทั้งทางโลก และ ทางธรรม อย่างแน่นอน ยืนยันได้ว่า ชีวิตหลังความตายของท่านนั้น ท่านจะได้สิ่งต่าง ๆ มากกว่าที่ท่านเคยได้รับมาในชาติปัจจุบัน หลายร้อยเท่า อย่างแน่นอน

ท้ายที่สุด ไม่น่าเชื่อว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว ภายใต้สถานการณ์ที่เรามีเวลาเหลือ ก่อนที่จะเกิดมหันตภัย เราได้ทำอะไร ๆ ดีกว่าทุกช่วงของชีวิตที่ผ่านมา ทุกสิ่งทุกอย่าง เต็มไปด้วยกุศลกรรมที่ดี ๆ ทั้งนั้น ซึ่งบุญกุศลที่ท่าน ได้คิด ได้พูด ได้ทำ เป็นกองบุญใหญ่ มีทั้ง การแสดงความกตัญญูกตเวทิตา ต่อคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งเป็นพระอรหันต์ของลูก มีการให้อภัยทาน มีการทำ สมถภาวนา วิปัสสนาภาวนา และ เมตตาภาวนา รวมทั้ง กุศลกรรมต่าง ๆ ตลอดเวลาที่เหลืออยู่ ซึ่งชีวิตในอนาคต ไม่มีทางตกตํ่า แน่นอน

ถ้าท่านต้องการอยู่ในโลกมนุษย์ ต่อไป ท่านต้องฝึกหัดกินพืชผักผลไม้ ให้มากขึ้น แทนการกินแต่เนื้อสัตว์ เพื่อให้ร่างกายคุ้นเคยกับอาหารประเภท พืชผัก ซึ่งจะกลายเป็นอาหารหลัก ในช่วงมีภัยพิบัติครั้งใหญ่ในรอบ 13,000 ปี เพราะสัตว์ที่เป็นอาหารของคน ก็อยู่รอดได้ยากในช่วงนั้น ๆ เนื่องจาก หาพืชกินไม่ค่อยได้ ดังนั้น เราต้องทำลิ้น และ ร่างกาย ให้คุ้นเคยกับอาหารมังสวิรัติ ให้มากๆ ไว้ก่อน

และประการสำคัญ ในการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา ในวันนี้นั้น จะมีหรือไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม ขอให้ทุกท่าน จงตั้งใจทำทุกภารกิจ ในทุกหน้าที่ที่เราเข้าไปเกี่ยวข้อง ในปัจจุบันขณะ ทำให้ดีที่สุดไว้ก่อน

เราต้องรู้หน้าที่ของเรา ที่ต้องรับภาระในแต่ละเวลา แต่ละสถานที่ หากเป็นพ่อ ต้องเป็นพ่อที่ดีกว่าเดิม หากเป็นแม่ ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิม หากเป็นลูก ต้องเป็นลูกที่ดีกว่าเดิม หากเป็นพี่ ต้องเป็นพี่ที่ดีกว่าเดิม หากเป็นน้อง ต้องเป็นน้องที่ดีกว่าเดิม หากเป็นหัวหน้า ต้องเป็นหัวหน้าที่ดีกว่าเดิม หากเป็นเพื่อน ต้องเป็นเพื่อนที่ดีกว่าเดิม หากเป็นลูกน้อง ต้องเป็นลูกน้องที่ดีกว่าเดิม ฯลฯ โดยต้องทำทุกหน้าที่ของเราให้เต็มที่ ตามความรู้ ความสามารถ ที่เราสามารถกระทำได้ ในช่วงเวลานั้นๆ

หากจะมีอะไรเกิดขึ้น ขนาดฟ้าถล่มดินทลาย ก็ตาม เราต้องพร้อมจะตอบได้ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราได้พยายามทั้ง การคิด การพูด และ การกระทำ ในเรื่องต่างๆ ที่เป็นกุศล ที่ประกอบไปด้วยความมีเมตตา ปรารถนาให้คนอื่นมีความสุข ประกอบไปด้วยกรุณา ปรารถนาให้คนอื่นพ้นจากความทุกข์ ยินดีกับทุกคนที่ได้ดี กระทำทุกอย่างที่เป็นสิ่งที่ดี อย่างดีที่สุดแล้ว ใช่หรือไม่ เพียงไร หากยังไม่ใช่ เราจะต้อง คิดใหม่ ทำใหม่ และ พูดใหม่ ให้สอดคล้องกับแนวทางดังกล่าว ให้มากที่สุด เท่าที่เรามีสติระลึกได้

ขอพลังแห่งความดีงาม การประกอบกรรมดี ของ ประชาชนคนในชาติทุกหมู่เหล่า ร่วมด้วยช่วยกัน สวดมนต์ ทำสมาธิ แผ่เมตตา ตั้งจิตที่มีความปรารถนาดีต่อกันและกัน ขอให้มีความรักในเพื่อนบ้าน เพื่อนในชุมชน เพื่อนในสังคม เพื่อนร่วมชาติ และ เพื่อนร่วมโลก มากกว่าที่เคยรู้สึก ที่เคยกระทำ ขอให้มีความช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ให้มากกว่าเดิม

มวลความดี จะเป็นพลังทิพย์ ช่วยให้ครูบาอาจารย์ และ ผู้มีฤทธิ์ ิเพิ่มฤทธิ์ในการช่วยเหลือมนุษยชาติได้มากขึ้น ภัยพิบัติจะได้ลดลง และ เลื่อนเวลาออกไป อาจประสบผลสำเร็จได้ ไม่มากก็น้อย ยังดีกว่า มือไม่พายแต่เอาเท้ารานํ้า

ขอกราบเรียนว่า ข้อแนะนำทั้งหมด ที่เกริ่นนำมานี้ เป็นเรื่องที่มีความสำคัญยิ่ง ในการดำเนินชีวิตของพวกเรา จะทำให้ชีวิตของเรามีความหมาย อย่าได้ละเลย

เรื่องต่างๆ ดังต่อไปนี้ ท่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ ซึ่งท่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่า ไม่สำคัญ เพียงแต่ขอให้ท่าน เป็นคนดีในสังคม ดำเนินชีวิตตามที่ได้แนะนำไว้ ท่านมีแต่กำไรชีวิต เมื่อละสังขารไปแล้ว รับรองได้ว่า ท่านไม่เสียชาติเกิดอย่างแน่นอน และ มีสุคติภพรองรับแน่นอน และ ข้าพเจ้าก็ขอกราบอนุโมทนาบุญด้วย

1. ข้อมูลแรก จาก ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ให้ข้อมูลว่า

โลกของเรา ยังไม่มีเครื่องมือทางเทคโนโลยีใดๆ ที่จะยับยั้งไม่ให้เกิดภัยธรรมชาติได้ ดังนั้น จึงต้องทำความเข้าใจให้ได้ว่า เราจะอยู่ร่วมกับธรรมชาติที่อยู่แวดล้อมตัวเราได้อย่างไร ที่จะมีความปลอดภัยมากขึ้น หรือ มีอันตรายน้อยที่สุด ก็ต้องทำความเข้าใจกับ ภัยธรรมชาติที่จะเกิดในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะในบริเวณที่เราอยู่อาศัย หากสามารถป้องกันล่วงหน้าได้ ความสูญเสียก็จะลดลงได้อย่างมาก เพราะในปัจจุบัน มีทั้ง ฝนตกหนัก นํ้าท่วมไหลหลาก โคลนถล่ม และ กำลังจะตามมาด้วย ภัยหนาว ภัยแล้ง และ แผ่นดินไหว

เขื่อนศรีนครินทร์ นั้นสร้างบน รอยเลื่อนศรีสวัสด์ิ ซึ่งก็เกิดแผ่นดินไหวหลายครั้ง และ ก่อนที่จะสร้างเขื่อนนี้ ในปี 2480 มีการเกิดแผ่นดินไหวที่ รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ ซึ่งอยู่ไม่ห่างไกลจากเขื่อนนี้มากนัก แต่มีความรุนแรงสูง ในระดับถึง 7.6 ริคเตอร์ มาแล้ว โอกาสที่เขื่อนจะได้รับความเสียหายถึงกับ เขื่อนแตก นั้นมีแน่นอน หากครั้งต่อไป เกิดแผ่นดินไหวในขนาด ดังกล่าวอีก

สำหรับ กรุงเทพฯ นั้นเป็นพื้นที่ดินอ่อน เหมือนกับ เม็กซิโก ปัจจุบันมีความเสี่ยงเพิ่มมากกว่าในอดีต ประมาณ 2-3 เท่าตัว ที่อาจได้รับผลกระทบจาก การเกิดแผ่นดินไหวที่ รอยเลื่อนสกาย

ในสมัยก่อนที่จะมีการสร้างเขื่อน ได้เคยเกิดแผ่นดินไหวที่ รอยเลื่อนสกาย มีความรุนแรงถึง 8.0 ริคเตอร์นั้น ในกรุงเทพฯ ยังไม่มีตึกสูง จึงไม่มีความเสียหายบันทึกไว้ จุดศูนย์กลางอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 300 กิโลเมตรเท่านั้น ในเม็กซิโก ที่เกิดความเสียหายขนาดใหญ่นั้น อยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหว ถึง 350 กิโลเมตร ก็ยังได้รับความเสียหายมาก เป็นเรื่องที่คนไทยที่อยู่อาศัยใน กทม. จะประมาทไม่ได้

ปัจจุบันตามถนน ตรอก ซอยต่างๆ พื้นดินทรุดตัว ค่อนข้างมาก ไม่ทราบว่า พวกเราได้มีการสังเกตเห็นความผิดปกติ ในการทรุดตัวของพื้นดินในกรุงเทพฯ นี้กันหรือไม่ โอกาสนํ้าทะเลเพิ่มสูงขึ้น 1-5 เมตร ในอนาคตอันใกล้นี้ นั้นมีแน่ และในอดีต ตามธรณีสัณฐานของประเทศไทยนั้น ชายฝั่งอ่าวไทย อยู่ที่ จังหวัดสุพรรณบุรึ ซึ่งอาจมีผลคืนกลับมาในลักษณะดังกล่าวได้ ค่อนข้างมาก ไม่ควรประมาทในเรื่องนี้ ที่พูดเช่นนี้ มิได้ต้องการให้ตื่นตระหนก แต่ต้องการให้ตระหนัก ในความเป็นไปได้ในเหตุการณ์ดังกล่าว เท่านั้น

2. ข้อมูลจาก รศ.ดร.เสรี ศุกราทิตย์ ผอ. ศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร

รศ.ดร.เสรีฯ เล่าให้ฟังว่า ในปี 2554 ที่ผ่านมา ในช่วงแรก ก็คาดหมายไว้แล้วว่า บ้านของตนเองก็คงถูกนํ้าท่วมแน่ แต่คาดว่า นํ้าคงจะท่วมบ้านประมาณ 30 ซม. ผลการถูกท่วม คือ เกือบ 3 เมตร และเดิมคาดว่า นํ้าคงจะท่วมขังประมาณ 3 สัปดาห์ แต่น้องนํ้ามาอยู่เกือบ 3 เดือน ถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิต

ท่านว่า นับแต่นี้ต่อไป ชั้นล่างของบ้านของท่านนั้น ท่านจะปล่อยโล่ง เอาเงินไปปรับปรุงตกแต่งชั้นสองของบ้านให้ดูดี มีความสะดวกสบายเป็นหลัก เลิกใช้เฟอร์นิเจอร์บิ๊ลท์อินในบริเวณชั้นล่าง เพราะเฟอร์นิเจอร์บิ๊ลท์อินของบ้านทุกหลังที่ถูกนํ้าท่วม ส่วนใหญ่เสียหายใช้ไม่ได้หมด เป็นบทเรียนที่ทุกท่านต้องตระหนักในการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยชั้นล่างของบ้าน เพราะปัญหาการเกิดนํ้าท่วมในอนาคตนั้น ต้องมีอีกแน่ๆ

ทุกหน่วยงานของรัฐ และ กทม. ต้องเข้มงวดกับผังเมือง เมื่อการก่อสร้างไร้ระเบียบ ไปปิดกั้นทางนํ้าไหล คูคลองตื้นเขินอุดตัน ย่อมไม่มีทางที่จะระบายนํ้าได้ แทนที่จะเป็น Flood way มันก็เลยเกิดเป็น Flooded all way เพราะเป็นการกระทำของคนผู้มีอำนาจหน้าที่ของรัฐ และ กทม. ปล่อยปละละเลยนั่นเอง อีกทั้งมีผลทำให้แผ่นดินทรุดตัวหลายพื้นที่

เป็นหน้าที่ของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องทำการขุดลอกทางไหลของนํ้า ในทุกเส้นทาง การก่อสร้างที่ไปปิดกั้นทางนํ้า ต้องรื้อถอน ต้องดำเนินการกันอย่างจริงจัง ย่อมผ่อนหนักเป็นเบาได้

ณ วันนี้ (18 กุมภาพันธ์ 2555) ยังไม่มีจุดปิดกั้นทางนํ้าไหลผ่าน รื้อถอนสักแห่งเดียว เพราะสืบสาวเมื่อไร ก็จะทราบว่า ส่วนใหญ่มีความเกี่ยวพันกับนักการเมือง ทั้งระดับประเทศ และ ระดับท้องถิ่น ทั้งสังกัดพรรครัฐบาล และ พรรคฝ่ายค้าน

ปริมาณนํ้าที่ท่วมจะได้ไม่มาก และ ระยะเวลาในการท่วมขังก็จะไม่นาน หรือ สั้นลงได้มาก ต้องลดการปิดกั้น เลิกใช้นโยบายต่อสู้กับมวลนํ้า โดยเปิดทางให้มวลนํ้าไหลผ่าน ในทุกเส้นทางที่มวลนํ้าต้องไหลผ่านไป ให้ผ่านสะดวกมากที่สุด ความเสียหายโดยรวมจะลดลง

สิ่งที่น่าเสียดาย คือ รายงานของ องค์การสหประชาชาติ ในเรื่องของ การเตรียมรับมือกับภัยพิบัตินํ้าท่วมนี้ ไม่เคยมี รัฐบาลชุดไหน ของพรรคใด สั่งให้แปลเป็นภาษาไทย คนไทยส่วนใหญ่เลยไม่มีความรู้ ในเรื่องดังกล่าว

เช่น รายงานของ องค์การสหประชาชาติ ปี 1955 (พ.ศ. 2538) ได้แสดงภาพคาดการณ์ที่จะเกิดนํ้าท่วม 100% ในพื้นที่ จังหวัดอยุธยา ปทุมธานี และท่วม 70% ที่ นนทบุรี ดอนเ มือง สายไหม ฯลฯ อย่างชัดเจนไว้แล้ว เมื่อ 16 ปีก่อน เป็นต้น

บรรดาผู้เชี่ยวชาญคนไทยทั้งหลาย มักไม่ได้ประเมินความเสี่ยงที่รอบด้านพอ และ ต่างมักไม่ค่อยยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น เพราะหลงคิดว่าตนก็เป็นผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งเหมือนกัน ปัญหาจึงเกิดความเสียหายตามมามาก เป็นบทเรียนที่ต้องนำไปปรับแก้สำหรับอนาคต ที่ต้องมีภัยพิบัติใหญ่เกิดขึ้นอีกแน่นอน

3. ข้อมูลจาก รศ.ดร.ปัญญา จารุศิริ ผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยาและแผ่นดินไหว จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ท่านกังวลว่าถ้า รอยเลื่อนสกาย ในพม่า เกิดแผ่นดินไหวเพียงขนาด 8 ริคเตอร์เท่านั้น เขื่อนศรีนครินทร์ และ เขื่อนวชิราลงกรณ์ ที่กาญจนบุรี จะไม่สามารถทนอยู่ในสภาพปัจจุบันแน่ อาจส่งผลทำให้ เขื่อนในจังหวัดกาญจนบุรี แตกได้ บริเวณใต้เขื่อนจากกาญจนบุรีลงมา ถึงกรุงเทพฯ และ ปริมณฑล ย่อมจมอยู่ในนํ้า

และในปัจจุบัน มีข้อมูลทางธรณีวิทยาว่า ใต้พื้นดินของ กรุงเทพมหานคร มีรอยเลื่อนอยู่แน่นอน เป็นรอยเลื่อนที่ต่อมาจาก รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ ในประเทศไทยนั้น มี 13 รอยเลื่อนสำคัญ ที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวได้

จุดเปราะบางของ ประเทศไทย ที่อาจเกิดแผ่นดินไหวได้มาก คือ บริเวณแถบทิศตะวันตก พาดผ่านไปถึงทิศเหนือของไทย บริเวณที่ปลอดจากแผ่นดินไหวมากที่สุด คือ บริเวณภาคอิสาณ แต่ ก็จะมีปัญหาเรื่อง ภัยแล้ง

ตามสถิติการเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทยนั้น เคยเกิดที่แรงหน่อย เช่น ที่เชียงใหม่ เคยเกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.1 ริคเตอร์  ที่ ท่าสองยาง เคยเกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.6 ริคเตอร์  ที่ เจดีย์สามองค์ เคยเกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.9 ริคเตอร์ สำหรับ ประเทศไทย เคยมีสถิติแผ่นดินไหวแรงสูงสุด คือ 7.0 ริคเตอร์

ประเทศไทย มีรอยเลื่อนใหญ่ๆ อยู่หลายแนวโดยสามารถจัดกลุ่มรอยเลื่อนที่สำคัญได้ 13 กลุ่ม โดยกลุ่มรอยเลื่อนทั้งหมด วางแนวพาดผ่านพื้นที่ 22 จังหวัด ได้แก่

1. กลุ่มรอยเลื่อน แม่จันและแม่อิง พาดผ่าน เชียงราย และ เชียงใหม่
2. กลุ่มรอยเลื่อน แม่ฮ่องสอน พาดผ่าน แม่ฮ่องสอน และ ตาก
3. กลุ่มรอยเลื่อน เมย พาดผ่าน ตาก และ กำแพงเพชร
4. กลุ่มรอยเลื่อน แม่ทา พาดผ่าน เชียงใหม่ ลำพูน และ เชียงราย
5. กลุ่มรอยเลื่อน เถิน พาดผ่าน ลำปาง และ แพร่
6. กลุ่มรอยเลื่อน พะเยา พาดผ่าน ลำปาง เชียงราย และ พะเยา
7. กลุ่มรอยเลื่อน บัว พาดผ่าน น่าน
8. กลุ่มรอยเลื่อน อุตรดิตถ์ พาดผ่าน อุตรดิตถ์
9. กลุ่มรอยเลื่อน เจดีย์สามองค์ พาดผ่าน กาญจนบุรี และ ราชบุรี
10. กลุ่มรอยเลื่อน ศรีสวัสด์ิ พาดผ่าน กาญจนบุรี และ อุทัยธานี
11. กลุ่มรอยเลื่อน ท่าแขก พาดผ่าน หนองคาย และ นครพนม
12. กลุ่มรอยเลื่อน ระนอง พาดผ่าน ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง และ พังงา
13. กลุ่มรอยเลื่อน คลองมะลุ่ย พาดผ่าน สุราษฎร์ธานี กระบี่ และ พังงา

จังหวัดต่างๆ ใน 22 จังหวัด ดังกล่าว ย่อมมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดแผ่นกินไหวได้ แต่ จังหวัดอื่นๆ นั้น แม้ไม่มีรอยเลื่อนพาดผ่าน แต่แรงของแผ่นดินไหวนั้น แม้ศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหว จะอยู่ห่างมากกว่า 300 กม. ก็ทำความเสียหายได้

4. ข้อมูลจาก ศ.ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา

ท่านให้ข้อมูลว่า นํ้าแข็งที่ละลายจากภูเขาทาง ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ ทำให้ระดับนํ้าทะเลสูงขึ้น และ นํ้าหนักในมหาสมุทรแปซิฟิคเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ นํ้าหนักของแผ่นดินลดลง เช่น ภูเขาหิมาลัย มีนํ้าหนักลดลง เพราะนํ้าแข็งละลายไหลลงมา เมื่อนํ้าหนักไม่สมดุลกันรอบๆ โลก ทำให้แผ่นเปลือกโลกเคลื่อนไหว เพื่อปรับสมดุลขึ้นใหม่ เหตุการณ์แผ่นดินไหวทั่วโลก หรือ แผ่นดินไหวรุนแรง 9.0 ริกเตอร์ ที่เกิดนอกชายฝั่งของ เกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น ก็เป็นผลมาจาก การเคลื่อนที่และชนกัน ของขอบแผ่นเปลือกโลก นี้เอง

สิ่งที่ต้องเฝ้าระวัง คือ โอกาสที่จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ แถบประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งจะทำให้เกิดสึนามิเข้ามาทางอ่าวไทยได้ เวียดนาม และ เขมร จะโดนหนัก รวมถึง ภาคใต้ของเราด้วย แต่จะไม่หนักเท่าที่ญี่ปุ่นโดน ประชาชนต้องเข้าใจ และรู้ทัน ต้องมีการวางแผนในทุกจังหวัดว่า ครอบครัวของเรา จะหนีไปอยู่ที่ไหน จะเดินทางด้วยยานพาหนะใด

ดร.อาจอง บอกอีกว่า หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น คนไทยจะได้รับการเตือนภัยล่วงหน้าประมาณ 16 ชั่วโมง หากมีการเตรียมพร้อมไว้แล้ว ย่อมสามารถหนีได้ทัน จะไม่มีความเสียหายมาก แต่ทางราชการต้องมีการเตรียมพร้อม และ ซักซ้อมให้ประชาชน หนีขึ้นในพื้นที่สูงได้ทันที โดยการเกิดสึนามิในอ่าวไทยนั้น มีแนวโน้มที่จะเกิดในระยะเวลาไม่นานหลังจากนี้ เพราะปัจจุบันเปลือกโลก มีการชนกันค่อนข้างมาก โดยบริเวณรอบมหาสมุทรแปซิฟิก จึงเกิดแผ่นดินไหวค่อนข้างบ่อย ซึ่งในปี 2555 มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุการณ์
แผ่นดินไหวใหญ่ๆ ที่ทำให้สึนามิเข้ามาในอ่าวไทย

ศ.ดร.อาจองฯ กล่าวว่า ทุกคนต้องไม่ประมาท อย่ามัวแต่ฟังข่าวสาร แล้วไม่ทำอะไร แต่ต้องรีบทำการอพยพโดยทันทีที่ทราบว่า เกิดภัยพิบัติดังกล่าวขึ้น และ เวลาที่ว่ามากพอนี้ หมายถึง บุคคลที่เตรียมพร้อมในการรับมือ เท่านั้น ถ้าหากประมาท เวลาที่มากกว่านี้อีก 10 เท่า ก็มีเวลาไม่พอ และ ไม่รอดจากภัยพิบัติ เพราะจะไม่มีเส้นทางให้เดินรถสะดวก ทุกเส้นทางนั้น อาจต้องใช้การเดินเท้าแทนก็ได้

อีกปัญหาหนึ่ง ที่จะเกิดขึ้นในปลายปี 2012 – พฤษภาคม 2013 คือ ดวงอาทิตย์ ที่จะปะทุขึ้นแรงที่สุด ในรอบหลายปี ซึ่งจะมีรังสีพุ่งเข้ามาที่โลกของเรา ทำให้ระบบสื่อสารพังชั่วคราว เราอาจจะโทรศัพท์คุยกันไม่ได้ เพราะระบบสัญญาณเสียหาย แม้กระทั่งไฟฟ้าก็อาจจะดับ เช่นเดียวกับที่ดับในอเมริกา ในปีที่แล้ว

เขื่อนศรีนครินทร์ ก็มีรอยเลื่อนที่เชื่อมโยงไปถึง ประเทศพม่า ดังนั้น หากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในพม่า ย่อมมีแรงสั่นสะเทือนเข้ามา มีผลต่อเขื่อนในประเทศไทย แน่นอน

ส่วนจะเกิดภัยพิบัติดังกล่าว เมื่อไรนั้น ดร.อาจองฯ บอกว่า ไม่ทราบกำหนดการแน่นอน แต่ ณ วันนี้ บอกได้ว่า โลกของเรา พร้อมที่จะเกิดแผ่นดินไหว ที่มีความรุนแรงมากแล้ว

สภาพดินฟ้าอากาศ ในปัจจุบัน มีความแปรปรวนสูง โอกาสที่จะเกิดความหนาวเย็นมาก และ ยาวนาน จะได้พบเห็นบ่อยมากขึ้น ในประเทศไทย

ปรากฏการณ์ที่พวกเราหลายท่านทราบแล้วว่า ใน เคนย่า พม่า และ เวียตนาม ในปี ที่ผ่านมา ก็มีหิมะตกแล้ว ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีหิมะตกมาก่อน ความเป็นไปได้ที่ ประเทศไทย จะมีหิมะตกกับเขาบ้าง ก็ย่อมเป็นไปได้

ได้มีการขุดค้นพบซาก ช้างแมมมอส ที่ได้พบว่า ในขณะช้างแมมมอสตายนั้น อยู่ระหว่างการเคี้ยวหญ้าสดอยู่ในปาก แต่ปรากฏว่า อุณหภูมิรอบตัวเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จาก 25 องศาซี เป็น - 50 องศาซี ก็เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ที่อุณหภูมิพลิกผันอย่างรุนแรงและรวดเร็ว

พวกเราชาวไทยทุกคน จึงต้องไม่ประมาท ในสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น ซึ่งจากความแปรปรวนของดินฟ้าอากาศที่ผ่านมา ในหลายๆ พื้นที่ ที่ไม่เคยเกิดเหตุการณ์บางอย่าง ก็มีเหตุการณ์นั้นๆเกิดขึ้นมาแล้ว

ในกรณี เขื่อนศรีนครินทร์แตก ภายใน จังหวัดกาญจนบุรี จะมีนํ้าท่วมสูงประมาณ 25 เมตร และ ก็จะมีมวลนํ้าไหลบ่าท่วม ราชบุรี นครปฐม และ แน่นอนมาถึง กรุงเทพมหานคร แต่บริเวณ กรุงเทพฯ นั้นปริมาณนํ้าจะอยู่ที่ประมาณ 2 เมตร ซี่งหมายถึง มิดศีรษะ

ศ.ดร.อาจองฯ ท่านแนะนำว่า ในช่วงนับแต่นี้เป็นต้นไป ความรุนแรงของภัยพิบัติ จะมีมากขึ้น ถี่ขึ้น และ รุนแรงมากขึ้น จึงขอให้ประชาชนคนไทย หันมาฝึกจิต ให้มีความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ และ สัตว์โลกมากขึ้น หากหันมารับประทานอาหารมังสวิรัติได้ คือ ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ ก็มีส่วนช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ โดยขอยืนยันว่า รับประทานอาหารมังสวิรัติ เป็นประจำแล้ว สุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง มีภูมิต้านทานโรคสูง ได้ทำการทดลองพิสูจน์จนได้ผลเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้ว รับรองไม่ขาดแร่ธาตุสำคัญในการเจริญเติบโต อย่างแน่นอน

ศ.ดร.อาจองฯ ยืนยันว่า รอบๆ ตัวเรานั้น มีคลื่นต่างๆ มากมาย หากเราสามารถจูนคลื่นจิตของเรา ให้เข้ากับคลื่นไฟฟ้ารอบตัวเราได้ หากคลื่นตรงกัน เราก็สามารถรับรู้เรื่องต่างๆ ได้ เหมือนกับคลื่นวิทยุ คลื่นทีวี คลื่นโทรศัพท์ เมื่อจูนให้ตรงกัน ก็รับเสียง และ รับภาพได้ ซึ่งถ้าเราสามารถจูนคลื่นจิตของเรา ให้เข้ากับคลื่นไฟฟ้ารอบตัวเราได้ตรงกัน ย่อมทำให้สามารถล่วงรู้ไปในเรื่องอดีต ที่ผ่านมานานร้อยปีพันปีแล้วได้ หรือ เรื่องอนาคตที่ยังมาไม่ถึงได้ แต่จะต้องฝึกฝนกันค่อนข้างหนัก ด้วยความตั้งใจจริงๆ รวมทั้ง เราอาจเคลื่อนตัวไปในมิติกาลเวลา ไปสู่อดีตและอนาคตได้

5. ข้อมูลจาก ดร.ก้องภพ อยู่เย็น ปัจจุบันทำงานในองค์การนาซ่า สหรัฐอเมริกา

ดร.ก้องภพฯ ให้ข้อมูลว่า นาซ่า ได้ส่งดาวเทียมขึ้นไปศึกษาปฏิกิริยาของดวงอาทิตย์ ที่มีผลกระทบต่อโลกของเรา จำนวน 4 ดวง จำนวน 2 ดวง คือ SDO และ ACE โคจรรอบๆโลก อีก 2 ดวง โคจรดักหน้าและหลัง คือ STERIO A และ B ซึ่งได้พบความเปลี่ยนแปลงจาก มวลลมสุริยะ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อโลกของเรา ค่อนข้างมาก

นั่นคือ ดวงอาทิตย์ ได้แผ่พลังงานทั้ง รังสีคอสมิค และ อนุภาคขนาดเล็กในอวกาศ ที่มีพลังงานทะลุทะลวงรูรั่ว เข้ามาในสนามแม่เหล็กรอบนอก ที่หุ้มห่อบรรยากาศของโลก จำนวนมาก โดยพบว่า ความเข้มของสนามแม่เหล็กโลก ลดลงไปประมาณ 30% ซึ่งจะมีผลต่อเนื่อง ไปถึงปี 2017 (หรือ พ.ศ. 2560) ช่วงนี้เรียกว่า อยู่ในวัฏจักรที่ 24

ในช่วงที่ ดวงอาทิตย์ ปล่อยพลังงานออกมามาก สามารถทำให้วัตถุต่างๆ ลอยตัวได้ ทำให้เกิดกระแสลมได้ กระแสนํ้าแปรปรวนได้ ภูเขาไฟระเบิดได้ มีความร้อนเกิดขึ้นมากได้ กระแสนํ้าในมหาสมุทรเปลี่ยนแปลงได้

จะส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงใน DNA ของสิ่งที่มีชีวิตบนพื้นโลก และ อาจมีการกลายพันธ์ุเกิดขึ้นได้ จะมีการเป็นมะเร็ง มากขึ้นได้

ดร.ก้องภพฯ กล่าวว่า ชั้นบรรยากาศของโลกลดลง ส่งผลให้โลก มีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศนอกโลก และ แกนแม่เหล็กโลก มีการเคลื่อนตัวจาก ทิศเหนือ ไปทาง ทิศตะวันออก มากขึ้น ขั้วเหนือของแม่เหล็ก ขณะนี้ เคลื่อนไปถึง ไซบีเรีย แล้ว โดยในปี 2011 นี้ มีรายงานทางธรณีวิทยาว่า เกิดแผ่นดินไหว ในสถานที่ต่างๆ มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ และในช่วงปลายปี 2012 ถึงช่วงต้นปี 2013 หรือปลายปี 2555 ถึง ต้นปี 2556

ต้องระวังเรื่อง ภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้น จากปฏิกิริยาจากพลังงานของดวงอาทิตย์ ที่จะส่งผลกระทบต่อโลก ซึ่งจะเพิ่มระดับความรุนแรง มากกว่าเดิมประมาณ 3 เท่าของอดีต

เหตุการณ์ในครั้งต่อไป อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของ สนามแม่เหล็กของโลกมากขึ้น จนทำให้โลกเกิดความร้อนเพิ่มสูงมากขึ้น และ อาจมีผลต่อ ระบบการสื่อสารขัดข้อง ใช้การไม่ได้ มีผลต่อหม้อแปลงไฟฟ้า อาจระเบิด อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ ในหลายพื้นที่บนโลก อาจใช้ไม่ได้ ในช่วงเวลาดังกล่าว จึงเป็นเรื่องที่ควรตื่นตัว และตระหนัก เตรียมการป้องกัน เพื่อลดความเสียหาย ในชีวิตและทรัพย์สิน โดยเฉพาะ การเดินทางด้วยเครื่องบิน ในช่วงเวลาดังกล่าว

ปกติ เมื่อไรที่ ดวงอาทิตย์ ปล่อยพลังลมสุริยะออกมา ระยะเวลาที่มีผลกระทบต่อโลก จะมีเวลาประมาณ 3 – 5 วัน ดังเช่น ในวันที่ 22 กันยายน 2011 เกิดการระเบิดบนดวงอาทิตย์ ทำให้พายุสุริยะมาถึงโลกของเรา ปรากฏว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ในสหรัฐดับ อุกกาบาตตกในอาเจนตินา ไฟฟ้าในกรุงวอชิงตันดับ ภูเขาไฟในสเปนเกิดการปะทุ และ เกิดพายุนกเต็น เป็นการเกิดในช่วงระหว่างวันที่ 25 – 27 กันยายน 2011 ( 2554) เป็นต้น (ถ้าการระเบิดมีน้อย ผลกระทบกับโลกก็น้อย คราวใดมีการระเบิดมาก ผลกระทบก็รุนแรง แต่ละครั้งระเบิดไม่เท่ากัน)

ดังนั้น ท่านใดที่มีกำหนดการบิน ในช่วงที่เกิดพายุสุริยะ พึงต้องระวัง ควรหาเหตุมากล่าวอ้าง เพื่อเลื่อนการเดินทางด้วยเครื่องบิน ในช่วงเวลา 21 ธ.ค. 2012 – พ.ค. 2013 พึงต้องระวังให้มากๆ จะลดความเสี่ยงลงได้มาก เพราะถ้าท่านบินขึ้นแล้ว ท่านอาจจะบินลงไม่ได้ เนื่องจากระบบการสื่อสาร ระบบการนำร่อง อาจจะเสียหายใช้การไม่ได้ อาจบินวน จนนํ้ามันหมด ท่านอาจโหม่งโลกได้ ดังนั้น เราควรเตรียมความพร้อม ในการรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติตลอดเวลา ในช่วง 21 ธ.ค.2012 – พ.ค. 2013

ในเรื่องภัยพิบัตินี้ ดร.ก้องภพฯ อธิบายว่า เราสามารถสังเกตได้อย่างหนึ่ง คือ ถ้าเรามองไปที่ท้องฟ้า แล้วเห็นก้อนเมฆ จู่ๆ เมฆก็แตกลายงา หรือ แตกสลายเปลี่ยนรูปเร็ว พื้นที่บริเวณนั้น มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวสูง หรือ มีสัตว์นํ้าลึก เข้ามาเกยตื้นตายจำนวนมาก ได้พบหลักฐานอย่างมีนัยสำคัญ ที่เกี่ยวเนื่องกับการเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ จะติดตามมา

อนึ่ง ดร. ก้องภพฯ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2553 ปรากฏว่า ดวงอาทิตย์ ได้ปลดปล่อยพลังงานออกมามาก และต่อมา อีก 3 วัน ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2553 ได้เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงขนาด 8.6 ริกเตอร์ ที่ชิลี มีความเสียหายหนัก หลังจากเกิดแผ่นดินไหว ที่ชิลี เมื่อต้นปี 2553 และ ที่ญี่ปุ่น เมื่อเดือนมีนาคม 2554 แล้ว นักวิทยาศาสตร์พบว่า แกนแม่เหล็กโลก เกิดการเอียงตัวไปมากกว่าเดิมอีก

สำหรับพลังปิรามิดนั้น ดร.ก้องภพฯ ได้นำต้นแบบของ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ไปทำการทดลองที่ สหรัฐอเมริกา ในวันที่มีเมฆมาก หลังจาก เปิดเครื่องประมาณ 20 นาที ปรากฏว่า เมฆสลายไปหมด กลายเป็น ท้องฟ้าแจ่มใส โดยได้ถ่ายรูปเปรียบเทียบ วันเวลา และ สถานที่เดียวกันไว้แล้ว และ ในวันที่มีหิมะตกหนาจัด ก็ปรากฏว่า หิมะละลายหายไปเร็ว แต่การทดลองดังกล่าวนั้น ดร.ก้องภพฯ ยังมิได้ทดลองติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง การทดลองนั้น จะต้องได้ผลไม่น้อยกว่า 80% จึงจะทำข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์ได้

6. ข้อมูลจาก พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ เจ้าอาวาสวัดดอยเกิ้ง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

ท่านให้ข้อมูลว่า ในปัจจุบันตามปฏิทิน ชาวมายัน นั้นเข้าสู่ปลายยุคที่ 5 ดิน นํ้า ลม ไฟ จะแปรปรวนหนัก จะมี แผ่นดินไหว นํ้าท่วม แห้งแล้ง เกิดลมพายุแปรปรวน ผิดไปจากธรรมชาติที่เคยเกิดขึ้น รวมทั้งนํ้า ทั้งลม และไฟ ในร่างกายมนุษย์ ก็แปรปรวน มนุษย์จำนวนไม่น้อย จะรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง เหนื่อยง่าย เจ็บป่วยง่าย ภูมิต้านทานโรคลดลง ธาตุนํ้าในร่างกาย จะถูกดูดออกไป เส้นแม่เหล็กโลก จะแปรปรวนมากขึ้น ท้องฟ้าจะมีสีแดงปนม่วง บ่อยครั้งขึ้น

พระอาจารย์รัตน์ ฯ ได้กล่าวถึง มหันตภัยโลกครั้งใหญ่ ที่จะเกิดขึ้นในช่วง ปี 2012-2014 ว่า มหันตภัยที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้ เปรียบเหมือนกับ การรื้อบ้านหลังเก่าทิ้ง เพราะใช้อยู่อาศัยมานาน จนเสา พื้น ฝ้า เพดาน หลังคา ผุรั่วเกินความสามารถที่จะซ่อมแซมให้ดีได้ดังเดิม การรื้อและสร้างใหม่ จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่โลกไม่แตก ไม่ดับสูญแน่นอน ช่วงที่ต้องระวังเป็นพิเศษ คือ ช่วงวันที่ 21 ธ.ค. 55 – 14 ก.พ. 56 เป็นช่วงที่มีความเสี่ยงสูง ที่จะมีภัยพิบัติใหญ่เกิดขึ้น

ช่วงเวลาดังกล่าว น่าจะมีปรากฏการณ์เรียงตัวของดวงดาว 12 ดวง ซึ่งหมายความว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว ย่อมมี พลังแรงดึงดูด จากดาวทุกดวง จะมีมากที่สุด จนถึงขั้นที่อาจมีความรุนแรง ถึงขนาดสามารถทำให้แกนแม่เหล็กโลก จากทิศเหนือ-ใต้ พลิกเปลี่ยนเป็นชี้ไปทางทิศตะวันออก-ตะวันตก และ ในอนาคตเรา อาจจะได้เห็น ดวงอาทิตย์ ขึ้นทาง ทิศตะวันตก แทน ทิศตะวันออก ก็อาจเป็นไปได้

พระอาจารย์รัตน์ ฯ ค่อนข้างกังวลกับ 56 วันมหาอันตราย ในช่วงวันที่ 21ธ.ค.55 จนถึงวันที่ 14 ก.พ.56 มาก เมื่อใกล้กับวันเกิดเหตุการณ์ ดังกล่าว จะมีสิ่งบอกเหตุที่สำคัญ คือ หากมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ด้านทิศเหนือ มนุษย์จะเห็นว่า ตำแหน่งของดาวเหนือเปลี่ยนไป ราวกับว่าอยู่ไกลออกไปมากกว่าแต่ก่อน จึงพลอยทำให้ แสงสว่างของดาวเหนือลดลง ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว ดาวเหนือยังคงอยู่ที่เดิม แต่แกนแม่เหล็กโลกต่างหาก ที่กำลังเปลี่ยนทิศ ซึ่งสื่อความหมายว่า ขั้วแม่เหล็กโลก พร้อมแล้วที่จะเปลี่ยนขั้วแม่เหล็ก จากเหนือ-ใต้ เป็ นขั้วแม่เหล็ก ตะวันออก-ตะวันตก แทน

ในช่วง 3 ปีนี้ คือปี 2012-2014 (2555-2557) คาดว่า คนไทยอาจได้พบกับปรากฏการณ์ แผ่นดินไหวอย่างรุนแรง เสียงแผดร้อง คำรามอย่างบ้าคลั่งของ ฟ้า ลมพายุ แผ่นนํ้าแข็ง ที่เกิดจากคาร์บอนมอนนอกไซด์ หล่นจากฟากฟ้า และในท้ายที่สุด คือ การเกิดนํ้าท่วมใหญ่ กวาดล้างสรรพสิ่งโสโครก ปฏิกูล ผลพวงจากโลกใบเก่าทิ้งไปกับนํ้า ที่รุนแรงมากกว่าปี 2554 หลายเท่า ก็อาจเป็นได้ และ ในอนาคตอันใกล้ ประเทศไทย จะอยู่ในเขตอบอุ่น ไม่ใช่ เขตร้อน ดังแต่ก่อน ก็อาจเป็นไปได้

พระอาจารย์รัตน์ ฯ ให้สังเกตและเตือนว่า

1. ในวันใดก็ตาม ในเวลาประมาณ บ่ายสามโมง (15.00 น.) จะมีแสงสว่างวาบมาจากท้องฟ้า เป็นแสงมหัศจรรย์ มีประกายเจิดจ้าอย่างไม่มีประมาณ ไร้สิ่งเปรียบเทียบ เพราะเป็ นแสงที่เกิดจากการปะทะ พุ่งชน เสียดสีของ พลังงานบวกกับพลังงานลบ จาก สองกาแลคซี่ ทั้งดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ ต่างได้รับแสงสว่างนี้ถ้วนทั่วกัน รวมทั้ง มนุษย์ในโลก เสียงโจษขานอึงคะนึงจากกลุ่มคนทั่วทิศทาง ถามไถ่กันขรมว่า เป็นแสงอะไร หากได้ยินเช่นนี้แล้ว ให้รีบหลับตา หลบอยู่ในที่พักอาศัย ไม่ต้องติดตามมวลชนออกไป เพื่อหาต้นกำเนิดของแสงบาดตาที่มีอานุภาพ เพราะจะทำให้ตาบอดได้ทันที
 
2. ถัดมาในตอนกลางคืน เวลาประมาณ สามทุ่ม (21.00น.) จะเกิดเสียงดังกึกก้องกัมปนาท เป็นพลังงานเสียงที่มีอัตราความดังสูง เกินพิกัดปกติอย่างมาก เสียงคำราม แผดก้อง เขย่าขวัญ เกินประมาณ ดังมาจากทั่วสารทิศ ทำให้แก้วหูแตกได้ฉับพลัน จึงควรหาอุปกรณ์ สำหรับอุดหูเพื่อป้องกันแก้วหูแตก หรือ ป้องกันขวัญผวา ไปกับการได้ยินสรรพสำเนียง แปลกประหลาด ที่บาดหูบาดใจ เหล่านั้น (เตรียมอุปกรณ์อุดหูให้พร้อม สำหรับทุกคนในครอบครัว ก่อน 21 ธันวาคม 2012 ก็น่าจะอุ่นใจดี-มงคลฯ)
 
3. การปะทะกันของ พลังงานบวกกับพลังงานลบ ทำให้แสงมีคลื่นความถี่สูง การพลิกวงโคจรของดาวถ่วงดุลและแกนโลก ทำให้มีอัตราความดังของเสียง อย่างไม่มีประมาณ พุ่งเข้ามาในโลกเต็มชั้นบรรยากาศ แผ่นดิน ผืนนํ้า แผ่นหินเปลือกโลก เป็นสาเหตุของ การเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง โลกตกอยู่ในความมืดสนิท อย่างไม่รู้วันรู้เวลา อย่างน้อย 3 วัน 3 คืน พวกเราอาจจะมีโอกาสเห็น ดวงอาทิตย์ ขึ้นทาง ทิศตะวันตก ก่อนหน้าที่จะมีเหตุการณ์ใหญ่ ให้สังเกตดีๆ ดวงอาทิตย์ จะเคลื่อนไปเรื่อยๆ จนในที่สุด จะขึ้นทางทิศตะวันตก แทนทิศตะวันออก

หลังผ่านช่วงวิกฤติในการเปลี่ยนแปลง หากเตรียมตัวพร้อม และปฏิบัติตนด้วยความไม่ประมาท จะสามารถรักษาชีวิตรอดไว้ได้ พวกเราจะมีโอกาสเริ่มชีวิตใหม่กันอีกครั้ง กับขั้วแม่เหล็กตะวันออก แทน ขั้วแม่เหล็กเหนือ

พระอาจารย์รัตน์ฯ ท่านให้ข้อมูลว่า เป็นช่วงที่ ความเจริญทางจิต จะเกิดขึ้น เป็นยุคเริ่มต้นของวิทยาศาสตร์ทางจิต คนจะมีอภิญญากันง่าย และ จะบรรลุธรรมกันง่ายและมากขึ้น หลังจากภัยพิบัติใหญ่ ยุติลง

7. ข้อมูลจาก ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ

เรื่องนี้ น.อ.สมศักด์ิ ขาวสุวรรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวถึงแนวโน้มเรื่องภัยพิบัติปี 2012 ว่าคงต้องมีการสร้างองค์ความรู้ และ เตรียมความพร้อมให้ประชาชน โดยเฉพาะ เรื่องสถิติปริมาณนํ้า แนะประชาชน ถอดบทเรียนที่เคยประสบในปี 2554 มาปรับปรุง และทำแผน เอาตัวเองและทรัพย์สินให้รอด เพราะเราไม่ทราบว่า จะเกิดขึ้นเวลาใด เนื่องจาก สภาพภูมิอากาศมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

น.อ.สมศักด์ิฯ ให้ข้อมูลว่า ช่วงเวลาที่ต้องจับตา คือ ช่วงเดือน เม.ย. ถึง พ.ค. 2555 ต้องเฝ้าระวัง และ เตรียมความพร้อม ขณะนี้ยังไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้แม่นยำ ปกติจะคาดการณ์จะรู้ล่วงหน้า ก่อนประมาณ 7 วันเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ประชาชนต้องเตรียมตัว คือ ต้องเตรียมชุดยังชีพให้พร้อม ทั้งข้าว อาหาร ยารักษาโรค วิทยุใช้ฟังข่าวสาร เป็นต้น ต้องรู้ จุดอพยพ จุดปลอดภัย ที่สำคัญต้องนำบทเรียนที่เคยเกิดขึ้นมาใช้ เพื่อปรับแผนป้องกัน ในกรณีที่ภัยพิบัติเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ประชาชน ต้องช่วยเหลือตัวเอง อันดับแรก แต่ถ้ามีความพร้อม เชื่อว่า จะมีความปลอดภัย

9. ข้อมูลตีความเรื่อง จาก ด.ช.ปลาบู่

เหตุร้ายแรงอาจเกิด ในคืนปีใหม่ไทย คือ ในคืนวันที่ 13 เมษายน 2555 เวลา 22.00 – 24.00 น. หรืออาจเกิด ในคืนปีใหม่สากล ในคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2555 เวลา 22.00 – 24.00 น. จะเกิดอาเพศ แผ่นดินไหวรุนแรง เกือบทั่วโลก จะโดนทั้ง ไทย พม่า ฯลฯ กรุงเทพฯ จมดิน จมนํ้า เขื่อนที่จังหวัดตาก ก็พัง

ปลาบู่ เป็นชื่อเล่นของ เด็กชายสุทัศน์ คำสีเป็นลูกชายคนเดียวของ นายทองใบ คำสีกับ นางสุนทรา คำสีมีพี่สาว 2 คน และ น้องสาว 2 คน ปลาบู่ เกิดวันที่ 23 ตุลาคม 2511 ที่อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2517 ที่ ร.พ.พระปกเกล้า จันทบุรี หรือเสียชีวิตมาแล้ว 37 ปีเศษ ในขณะที่เขามีอายุได้ 5 ปี 8 เดือน กับอีก 15 วัน

เรื่องราวที่สุดแสนพิศวงของ เด็กชายปลาบู่ เกิดขึ้นในวันที่ 25 มิถุนายน 2517 เมื่อเด็กชายปลาบู่ ได้บอกกับ ผู้เป็นพ่อ ว่า เขาจะตายภายใน 15 วัน ให้ไปซื้อเทปคาสเซ็ทมาอัดเสียงไว้ แต่นายทองใบก็ไม่ได้ทำตาม เนื่องจากไม่คิดว่าลูกชายจะเสียชีวิตไปจริงๆ

- ในห้วงเวลาที่เหลืออยู่ ระหว่างนั้น เด็กชายปลาบู่ ได้เล่าเรื่องหลายต่อหลายเรื่องให้พ่อฟัง โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อต้องการให้ผู้เป็นพ่อ เป็นสื่อให้ เพื่อบอกเล่าภัยพิบัติ ที่เขาได้เห็นได้รู้ ให้คนไทยได้ระมัดระวัง
 
- แน่นอน ในขณะนั้น นายทองใบ ไม่เชื่อ และคิดว่า ลูกพูดจาเพ้อเจ้อ จากนั้น เด็กชายปลาบู่ก็เริ่มป่วย และ เสียชีวิต ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2517 ตรงตามที่บอกพ่อไว้ว่า จะเสียชีวิตลงใน 15 วัน โดยแพทย์ระบุภายหลังว่า เป็นเนื้องอกในสมอง
 
- เมื่อเหตุการณ์ดำเนินไปตามที่ลูกชายสั่งเสียเอาไว้ นายทองใบ จึงเริ่มเชื่อ และ ทำทุกอย่างตามที่ เด็กชายปลาบู่ สั่งไว้ก่อนตาย แต่ นายทองใบ มาเริ่มเขียนคำทำนายเรื่องภัยพิบัติ ด้วยลายมือของตัวเอง เมื่อวันที่ 5 พ.ย.2535 นั่นคือ มาเริ่มเขียน หลังจาก ด.ช.ปลาบู่ ได้ตายไปแล้ว ประมาณ 18 ปี มิใช่เขียนทันที หรือ เขียนหลังจาก ด.ช.ปลาบู่ ตายไปไม่นาน ดังนั้น เนื้อหาบางส่วนอาจจำมาไม่หมดก็ได้ หรือ จำมาคลาดเคลื่อนก็ได้ หาใช่ว่า ทุกอย่างนายทองใบฯ จำได้ถูกต้องทุกเนื้อความไม่
 
- สำหรับชาวบ้านในตำบลทรายขาว ที่อยู่ในละแวกเดียวกับบ้านของ นายทองใบ นั้นยอมรับว่า ต่างรู้เรื่องราวเกี่ยวกับภัยพิบัติ จากคำบอกเล่าของ เด็กชายปลาบู่ มานานกว่า 30 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ ยอมรับว่า ไม่มีใครเชื่อ เพราะคิดว่า นายทองใบเสียสติ เพราะเสียใจที่ลูกชายมาด่วนเสียชีวิต จนพากันเรียกว่า ตาใบบ้าแต่เมื่อมีหลายเหตุการณ์ในอนาคต วันเวลามาถึงปัจจุบัน มาตรงกับคำทำนาย หลายคนจึงเริ่มปักใจเชื่อ
 
- ทีมข่าวเจาะประเด็น ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ได้ลงพื้นที่ตำบลทรายขาว และได้ไปสัมภาษณ์พูดคุยกับ กาญจนา นาคนันทน์หนึ่งในพื้นเพคนทรายขาว ชื่อ กาญจนา นาคนันทน์นั้น นักอ่านรู้จักกันดี จากผลงานนวนิยายอันโด่งดัง ซึ่งถูกนำมาทำเป็นละครโทรทัศน์ อย่างเช่น ผู้กองยอดรัก ผู้ใหญ่ลีกับนางมา ฯลฯ เป็นต้น ทำให้พบเงื่อนปมที่น่าสนใจของ เด็กชายปลาบู่ ในหลายเรื่องทีเดียว

- คุณกาญจนาฯ เล่าให้ทางรายการฟังว่า คำทำนายของ เด็กชายปลาบู่ เป็นที่ร่ำลือของชาวบ้านที่นี่ มากว่า 30 ปีแล้ว และตนเองเคยรับรู้เรื่องนี้มานานแล้วเช่นกัน กระทั่งมารู้จักกับนายทองใบ คำสี ผู้เป็นพ่อของปลาบู่ หลังจากที่ เด็กชายปลาบู่ เสียชีวิตได้ 1 ปี ในการประชุมกลุ่มเกษตรกร ที่อำเภอโป่งนํ้าร้อน จ.จันทบุรี
 
- ทั้งนี้ นักเขียนนามอุโฆษ ยอมรับว่า น่าทึ่งระคนแปลกใจ เพราะหลายเรื่อง เป็นความรู้ด้านประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ สมัยพ่อขุนรามคำแหง กรุงศรีอยุธยา และ กรุงรัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะการแก้ปัญหานํ้าท่วมกรุงเทพ ที่ ปลาบู่ เด็กชายวัย 6 ขวบ บอกไว้เมื่อ 37 ปีที่แล้วว่า "เจ้าพระยา ตอนหนึ่ง จะโค้งเหมือนกระเพาะหมู หรือ คนสมัยโบราณ เรียกว่า คอคอดลูกนํ้าเต้า หรือ เกือกม้า ตรงนี้ ให้ทำเขื่อนเปิด-ปิด เวลานํ้าขึ้น-นํ้าลง ซึ่งภายหลัง ก็เกิดขึ้นแล้ว คือ คลองลัดโพธ์ิ โครงการพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 นั่นเอง"
 
- สำหรับตัวคุณกาญจนาฯ นั้นปัจจุบันอายุ 91 ปี ยอมรับว่า เชื่อเรื่อง "เด็กชายปลาบู่" เพราะบริเวณนี้ สมัยก่อนเป็นป่า ไม่มีเทคโนโลยี บ้านเรือนก็ปลูกห่างกัน ไม่มีโอกาสที่ นายทองใบ ซึ่งจบประถมสี่ จะรู้ข้อมูลมากมายก่อนมาเล่า พร้อมยืนยันว่า นายทองใบ ไม่ได้บ้า
 
- จากข้อมูลที่ คุณกาญจนาฯ เสริมว่า ได้ทราบเรื่องนี้มามากกว่า 30 ปีแล้ว ก็น่าจะมีมูลแห่งความจริง เพียงแต่วันเวลานั้น เห็นว่า ถ้าจะมีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นจริง ช่วงเวลาที่จะเกิดนั้น น่าจะเป็น คืนวันที่ 13 เม.ย. 55 หรือ คืนวันที่ 31 ธ.ค. 55 เวลา 22.00 – 24.00 น. ที่จะเกิดอาเพศ แผ่นดินไหวรุนแรงเกือบทั่วโลก จะโดนทั้ง ไทย พม่า ฯลฯ กรุงเทพฯ จมดินจมนํ้า เขื่อนที่จังหวัดตากก็พัง

10. ข้อมูลจากกรมชลประทาน

- นายสุเทพ น้อยไพโรจน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน ให้ข้อมูลว่า ประเทศไทยในปี 2555 ที่กำลังจะมาถึงนั้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่นอน ก็คือ ปรากฏการณ์ลานินญ่าที่จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อ วิถีการดำรงชีวิตของคนไทย อย่างมากมายมหาศาล ประเทศไทย อาจต้องประสบ ภาวะฝนฤดูร้อน หรือ ฝนมาเร็วกว่าฤดูกาล เช่นเดียวกับ ปี 2554 ได้ค่อนข้างมาก

11. ข้อมูลจากบันทึกของ พระคุณลุงเชียงใหม่ ผู้มีญาณวิเศษ

เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นนั้น ลุงขอเรียกว่า วันฟ้าดับ ก็แล้วกัน เพราะในยามนั้น สิ่งที่เกิดขึ้น ทุกด้านมืดสนิท ก่อนหน้านั้น ลุงเห็น คนที่มีจิตเป็นอกุศลกรรม ได้มีการฉลอง จุดพลุ ร้องเพลงปี ใหม่ และนับย้อนหลังในวันสิ้นปี (ลุงจึงคาดว่า เหตุการณ์ร้ายแรง จะเกิดขึ้นหลังฉลองสิ้นปีใหม่ )
 
ก่อนหน้า วันฟ้าดับ ให้สังเกตว่า จะมีฝนตกต่อเนื่องกันหลายวัน แล้วในวันฟ้าดับนั้น จะไร้ฝน ฟ้าหม่นหมองยิ่งนัก ใบไม้เงียบจนไม่พลิกใบ ฝูงสัตว์เลี้ยง สัตว์ป่า จะครวญคราง แอบหลบหมอบ
 
ก่อน ฟ้าดับ ลุงเห็น ฟ้าสว่างโร่ อย่างไม่เคยเห็นมาก่อน (ทำให้ลุงนึกถึงเรื่องราวที่คนเล่า ถึง แสงสว่างจากระเบิดปรมาณู )ในยามที่เกิดแสงสว่าง ลุงเตือนหลานและทุกคน อย่าพยายามที่จะมองหาต้นทางของแสง เพราะหลังจากนั้น ลุงเห็นภาพ คนที่ตามืดบอด เนื่องจาก แสงจักรวาลที่ฟาดลงมาแทงทำลายตาของเขา
 
แต่หลังจากเกิดแสงนี้แล้ว หลานยังมีเวลาเตรียมตัว ในช่วงนี้เอง สัตว์ต่างๆ จะตื่นกลัว วิ่งหนีแบบไม่มีทิศทาง บ้านเราถ้ามีสัตว์ใด ขอให้หลาน อย่าได้กักขังเขา เพราะจะเป็นอันตราย แม้แต่สัตว์ที่เชื่องที่สุด แต่ก็มีบางตัวที่จะรอดนั้น จะหมอบตัวสั่นใกล้ๆ กับมนุษย์ ในยามนี้ ขอให้หลานได้เข้าไปยังสถานที่ที่มีการเตรียมการ และ ปิดให้มิดชิด อาหาร นํ้า ยา และ ชุดยังชีพ ให้ทุกคนแยกติดตัวไว้ อย่าเอารวมกัน เพื่อจะแบ่งกัน เพราะอาจจะลำบากมาก ในการติดต่อกัน แม้แต่อยู่ใกล้ๆกันเพราะจะมืดสนิท
 
ส่วนการย้ายเข้าที่ปลอดภัย และ ที่ที่มีการเตรียมการอพยพ ขอให้หลานๆ ได้เตรียมตัวกันเต็มที่ หลังจากที่เห็น ดาวเหนือ เปลี่ยนไป และ หลังจากที่มีแสงจักรวาลเข้ามาแล้ว
 
ไม่นานนัก ลุงเห็นภาพคนกำลังทานข้าวเย็นกันอยู่ จะเกิดเหตุการณ์ โลกเราเหมือนกับชนกับอะไรซักอย่าง คนที่อยู่บนผืนดิน เหมือนคนที่อยู่บนรถขนาดใหญ่ ที่มีการชน ภาพคนล้มไถลไปกับพื้น ตึกพังทลายราบลงมาทันที ยังไม่ทันได้ตั้งตัว
 
ขอให้หลานและทุกคน เข้าไปอยู่ในที่ห้องที่แข็งแรงของเรา หรือ คนที่อยู่นอกพื้นที่ ให้เข้าไปยังที่ที่มีหลังคาที่แข็งแรงมากๆ และ ปิดหู ด้วยอุปกรณ์ป้องกันเสียง
 
หลังจากนั้น จะมีเสียงดังที่สุด ซึ่งลุงก็บอกไม่ได้ว่า มันดังแค่ไหน แต่หลังจากนั้น ลุงเห็นผู้คนเลือดออกจากรูหู นอนกลิ้งเกลือกไปตามพื้น ตาเถลือกถลน คนที่เอามืออุดหูทันนั้น ก็ยังไม่สามารถป้องกันได้ เพราะลุงเห็นคนที่พยายามสื่อสารกัน แต่เหมือนกับว่า คนในโลกนี้ แก้วหูขาดไปหมดสิ้นแล้ว เสียงตะโกนโหวกเหวก แต่ต่างคนต่างไม่รู้เรื่อง ลุงจึงขอยํ้าเตือนหลานตรงนี้ ให้มีการจัดหาอุปกรณ์ป้องกันหูไว้ก่อน จะดีที่สุด อาจจะทำให้หนักเป็นเบา ได้
 
หลังจากนั้น ลุงเห็นภาพที่ทุกคน กลับมาตื่นกลัวอีกครั้ง หลังจาก แผ่นดินไหวรุนแรง และสั่นต่อเนื่องกัน ผิดจากครั้งแรก ที่เหมือนจะชนโครมเดียวแล้วหยุด แต่คราวนี้ เป็นเหมือนมีคนจับเอาเราอยู่ในกระด้ง แล้วเคาะขอบมันอย่างแรง อย่างต่อเนื่อง เสียงหวีดร้องตื่นกลัว ดังระงม (น่าจะอาฟเตอร์ช็อค)
 
ในตอนคํ่า ลุงเห็นคนมารวมกัน มีการก่อกองไฟ อากาศหนาว แต่ลมสงบนิ่ง ตอนนี้ ลุงเห็นขอบฟ้าแดงจ้า จนน่ากลัว แล้วสิ่งที่ลุงเรียกว่า วันฟ้าดับ ก็เกิดขึ้น ลุงเห็นมี แสงสีแดง พุ่งมาวาบหนึ่ง จากนั้น แสงทั้งหมดก็จะม้วนเข้าไปในรูปทรงกลม ลุงไม่รู้จะเรียกอะไร น่าจะเป็น พระจันทร์ดำ เพราะเป็นสีดำๆ เหมือนจันทรุปราคา (หลุมดำ) ที่มาบดบังพระอาทิตย์ แต่เล็กกว่ามาก แต่ตอนนั้น พระจันทร์ ก็ยังเห็นอยู่
 
แล้วบรรยากาศที่เหมือนเราดับเทียนในห้องมืดที่สุด ก็เกิดขึ้น พรึบเดียวแสงทั้งหมดจะหายไป แม้แต่ดวงดาว และ พระจันทร์ ก็ไม่สามารถมองเห็นได้ ความมืดในขณะนั้น ลุงเห็นคนพยายามยกมือของตนเองขึ้นมาดู ก็ยังไม่สามารถเห็นได้ ความตื่นกลัวก็เกิดโกลาหลอีกครั้ง คนจะกอดคนที่อยู่ใกล้ที่สุด แล้วร้องไห้ระงม คนที่อยู่ห่างจากคนอื่นแม้แต่วาเดียว ก็ไม่สามารถหากันเจอ จนกว่าจะคลำหากันเจอ ช่างเป็นภาพที่น่าอเน็จอนาจมาก อย่างนี้เอง ลุงถึงได้ยํ้ากับหลานว่า ให้แยกเป้ที่จัดเตรียมไว้ให้สำหรับแต่ละคน และ เมื่อเข้าไปอยู่ในห้องที่แข็งแรงปลอดภัย ที่ได้เตรียมสร้างไว้ จะได้หยิบกินหยิบใช้ในเป้ตนได้สะดวก
 
ห้องที่แข็งแรงปลอดภัยที่ได้ให้เตรียมสร้างไว้ ขอให้หลานสร้างตามแปลน ที่ลุงได้เขียนไว้ให้ คือ มีลักษณะเป็นแบบ ตู้คอนเทนเนอร์ ที่มีหลังคาแข็งแรงสุดๆ เตรียมไว้ให้เป็นทั้ง ตู้ใส่อาหาร ตู้หลับนอนให้ปลอดภัย และ เป็นห้องพยาบาลเคลื่อนที่ พร้อมกันไปด้วย
 
แต่มีสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้น ก็คือ คนที่รอดตายขณะนั้น ลุงเห็นภาพ นํ้าแข็งก้อนเท่าบาตรพระ ทะยอยตกลงมาจากฟ้า ส่วนก้อนขนาดกำปั้น ตกกระจายไปทั่ว คนที่หลบหนี มาอยู่ในที่โล่ง ต้องมาตายกับฝนลูกเห็บยักษ์ ที่มีความเย็นจัดมาก เพราะลุงเห็นภาพ คนแข็งตายอยู่กลาดเกลื่อน เต็มไปหมด
 
ตู้คอนเทนเนอร์ ที่นำมาสร้างห้องแข็งแรงนั้น ขอให้ใช้ตู้เหล็กขนาดใหญ่ ที่ลุงสั่งมา และ ให้เร่งเสริมเหล็กกันกระแทก ด้านบนและด้านข้าง ให้แข็งแรงเป็นพิเศษ ให้เลือกประเภทที่เป็ นตู้ที่ใช้เป็นห้องเย็น เพราะจะช่วยเรื่องอากาศหนาวเย็น หลังจากมี ก้อนนํ้าแข็งตกลงมาจากฟ้า ได้ดีในส่วนของตู้สำหรับบรรจุอาหารนั้น ถ้าสามารถรวบรวมเงินได้ ก็ให้เปลี่ยนเป็นตู้แบบตู้ห้องเย็นให้หมด ก็จะปลอดภัยมากขึ้น
 
ภาพที่ลุงเห็นถัดไป ก็คือ หลังจากที่มีการหยุดของโลก กึ๊กหนึ่งนั้น ภาพนํ้า ข้ามภูเขามาจำนวนมากมาย ลุงเห็นภาพ กรุงเทพฯ จมหายไปกับสายนํ้า ภาพเขื่อนภูมิพล และหลายๆเขื่อน ลุงไม่แน่ใจว่าอะไรบ้าง บิดร้าว ตัวเขื่อนแม้ไม่แตกสลาย แต่ขอบๆเขื่อน ที่เป็นภูเขา เป็นดิน มีรอยร้าว และ มีนํ้ากัดเจาะเข้าไป จนนํ้าทะลุภูเขาไปอีกด้าน จนสุดท้าย ภูเขาก็แบ่งออกเป็นสองซีก ลุงเห็นภาพ นํ้ากวาดบ้านไปเหมือนของเล่น
 
ที่เชียงใหม่บ้านเรา ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวมาก ไม่น้อยกว่าทีอื่นๆ แต่เรื่องนํ้านั้น เขื่อนแม่งัด แม่กวง แตกพังทะลาย นํ้าที่แตกมาจากเขื่อน จะกวาดบ้านเรือนที่อยู่ในส่วนตอนล่าง ลุงเห็นภาพ เจดีย์ขาว ที่อยู่หน้าเทศบาล ที่ติดแม่นํ้าปิง เห็นแต่ตัวยอดนิดเดียว
 
ภาพที่ลุงเห็น ในเมืองเชียงใหม่ ตึกรามบ้านช่องที่พังทลาย จากก่อนหน้านั้น ผู้คนออกมาในคืนฟ้าดับนั้น กลับโดนกวาดไปกับสายนํ้า ที่บ้านเราจะรุนแรงและต่อเนื่องกัน เพราะเขื่อนบ้านเราอยู่ใกล้เขื่อนนํ้า เดินทางเพียงสองสามชั่วโมงเท่านั้นเอง คนแถวสันทราย ดอยสะเก็ด ช่อแล คงเลี่ยงหนีไม่พ้น มวลนํ้าทั้งหมดจะกวาดไปผ่านลำพูนไปทั้งหมด แต่ด้วยระยะทางของนํ้า ก็จะเสียหายน้อยกว่าแถวสันทราย เมืองสันกำแพง แถวอำเภอบ้านธิ ลำพูน
 
ลุงเห็นภาพ เจดีย์วัดอรุณ เห็นเพียงยอดฉัตรเท่านั้น หมายถึง กรุงเทพฯ คงไม่มีที่แห้งให้ยืน
 
ลุงยํ้าว่า ตอนนี้ขอให้เลือกพื้นที่ อย่างไรก็ให้อยู่ตอนเหนือของเขื่อน หรือ หลานจะแนะนำใคร ที่จะย้ายออกมา เพราะเชียงใหม่เอง ก็ไม่ใช่ว่าจะปลอดภัย
 
ในยามที่โลกมืดมิดมองไม่เห็นอะไรนั้น พ้นจากแผ่นดินไหว แล้วสายนํ้าก็กวาดลงมาอีก
 
จะมีใครซักกี่คนหนอ ที่จะรอดผ่านไปได้ ถ้าไม่มีการเตรียมการก่อนล่วงหน้า รวมทั้งการเลือกพื้นที่ๆ ปลอดภัยก่อน เพราะในยามนั้น ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว
 
อดคิดถึง เชียงราย และ พะเยา ไม่ได้ ถ้านํ้าจากเขื่อนใหญ่ที่สุดในโลก ที่จีนสร้างแตก คงจะทะลักมา อีกมากเท่าไหร่ หลานอย่าแปลกใจเลย ที่จุดปลอดภัยของเชียงราย อยู่ที่ดอยตุง
 
ในช่วงของการที่มีความมืดมิดของโลกนั้น ใช่ว่า จะเป็นความมืดแบบไม่มีแสงใดๆ คงไม่ใช่ แต่จะมีฟ้าแลบฟ้าผ่าลงมา เสียงผ่าที่ดังกว่าเสียงระเบิด เปรี้ยงๆๆ พอๆ กับเสียงระเบิดหิน เป็นเวลาก่อนที่ ก้อนนํ้าแข็งจะร่วงมาจากฟ้า เพราะฉะนั้น เวลาที่มืดมิดแล้ว เริ่มเห็นแสงขึ้นมา อย่าออกจากห้อง เพราะมันจะเป็นแสงฟ้าแลบ และ จะตามด้วยก้อนนํ้าแข็ง
 
ต้องปิดประตูให้มิดชิด ให้อยู่ในห้องแข็งแรง อยู่ในนั้น อีก 3 วัน หรือ จนกว่าอาหารในเป้ ที่เตรียมไว้สำหรับทุกคนหมด ที่สั่งให้เตรียมไว้ 4 วัน จึงต้องไม่ลืม และ ออกมาจากห้องแข็งแรงได้
 
ในช่วงที่อยู่ในห้องแข็งแรง ขอให้หลาน นำสวดมนต์
 
ขอยํ้า เรื่อง การออกจากห้องแข็งแรง อย่าออก จนกว่าจะเห็นแสงอาทิตย์จากข้างนอก หลังจากนั้น ถ้าขอบฟ้ายังเป็นสีเหลืองอมฟ้า อย่าได้รีบเคลื่อนย้าย ระวังอย่าให้ทุกคน หรือเด็กๆ โดนฝนเป็นอันขาด เพราะในก้อนนํ้าแข็งที่หล่นมาจากฟ้านั้น มีเชื้อโรคที่ยาในรายการที่ลุงเตรียมไว้ให้หามาไว้ในห้องยาของเราไม่ครอบคลุม
 
วันฟ้าดับ นั้นมีอยู่ ประมาณ 3 วัน 3 คืน
 
ลุงกำหนดจิต ไปที่ กรุงเทพ เป็นภาพที่เอน็จอนาถใจมากกว่า นํ้ายังไม่ลดลงมากเท่าไร แต่สิ่งที่ลอยเกลื่อน คือ ซากศพคนตาย
 
มีฝูงจรเข้ ที่ภูเขาทอง ลุงเห็นภาพ คนที่แก่งแย่งกัน ค้นหา ปล้นอาหาร ภายในซากห้างใหญ่
 
ลุงเห็นภาพ ซากเขื่อน ที่ จังหวัดตาก แตก กวาดนํ้าไปตามเส้นทาง แทบไม่เหลือสภาพ ว่าเคยเป็นเมืองที่เคยมีผู้คนอยู่มากมาย (พูดถึงเขื่อนจังหวัดตากอีกแล้ว)
 
ต่อไป ประเทศไทย หลังวันที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ลุงไม่แน่ใจว่า ในญาณที่ลุงผ่านไปนั้น ลุงเห็น พระอาทิตย์ ขึ้นทางดอยสุเทพ หรือ ขึ้นผิดทางที่เราเคยเห็นมา โลกคงเปลี่ยนไปมากทีเดียว (แสดงว่า พระอาทิตย์ ไม่ได้ขึ้นทาง ทิศตะวันออก เหมือนเดิม)
 
ลุงใช้เวลาหลายคืน ในระยะที่ผ่านมา เพื่อกำหนดจิตไปยังที่ต่างๆ หลานจะได้เห็นประเทศไทยเปลี่ยนไป เหนือกับอีสาน ยังพอมีเหลือคนไทยอยู่มาก ภาคใต้ คนจะเหลือน้อยจริงๆ
 
ในส่วนของ เมืองกรุงเทพ ได้จมลงในนํ้า หลังจากเขื่อนพัง มีคนตายมากมาย และ กว่านํ้าจะลดลง จำนวนคนตายมาก จนคนไม่กล้ามาอยู่ เพราะวิญญาณที่ไม่รู้ว่า ตัวเองตายแล้ว วนเวียนหาคำตอบให้ตัวเอง มากมายไปหมด
 
ทางเหนือของเรา อาหารการกิน ถ้าไม่ได้มีการกักเก็บไว้ล่วงหน้า จะเจอกับปัญหาหนัก เพราะอากาศจะหนาวมาก
 
ลุงกำหนดจิตไปที่ภูเขา เจอหิมะบนยอดเขา ตอนแรก คิดว่าอธิษฐานผิด ที่ไปเมืองนอก แต่กลับไม่ใช่ ลุงเห็นภาพ พระธาตุดอยตุง ตั้งอยู่กลางหิมะขาวโพลน (เมืองไทยจะมีหิมะ)
 
การปลูกพืชเมืองหนาว โรงเขี่ยเชื้อเห็ด เพาะเห็ด ก็น่าจะช่วยเรื่องอาหารได้นานพอสมควร ที่หลานๆ จะได้ปรับตัวกันได้ เรื่อง เป้ อุปกรณ์ยังชีพ วิทยุสื่อสาร ชุดป้องกันโรค อาวุธปืน มีดสนาม เอาไว้ป้องกันตัวจากสัตว์ร้าย ต้องเตรียมไว้ให้พร้อมด้วย
 
ขอให้หลานได้ตั้งใจฝึกจิต และ พาน้องๆ หลานๆ ฝึกด้วยกับหลาน ส่วนเจ้าตัวเล็กๆทั้งหลายให้ฝึกสวดมนต์ให้ขึ้นใจ

11. ข้อมูลจากท่านวัชรธรรม (พระถิรธมโม)

- ประเทศไทย จะมีเหตุ แผ่นดินไหว และ ภูเขาไฟระเบิด ทางภาคเหนือตอนล่าง เหตุการณ์เขย่าขวัญสั่นประสาท ต้องรอให้ถึงวันที่ ๑๐ ถึง ๒๐ เมษายน ๒๕๕๕ เหตุร้ายแรงเขย่าประสาทจึงจะเกิดขึ้นจริงๆ มันร้ายแรงมากที่สุด เท่าที่คนไทยจะเคยเห็นเหตุร้ายภัยพิบัติรุนแรง และมีผลทำให้ กรุงเทพ ต้องจมสู่บาดาลจริงๆ ด้วยแรงดันจากนํ้าหลากหลายสาย ท่วมทับมารวมกัน ทั้งจาก เขื่อนแตกในประเทศ และ เขื่อนจากมหาอำนาจจีนแตก พร้อมๆกัน
 
- คนกรุงเทพ ให้เตรียมตัวหนีตายได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนถึงปลายเดือนมีนาคม 2555 เป็ นจุดสูงสุด อย่าอยู่ที่กรุงเทพอีก จะมีอันตรายถึงชีวิต เพราะขาดนํ้าและอาหาร ไม่มีการสื่อสารใดๆ เข้าถึงได้ จึงถือว่า มีอันตรายมากที่สุด ให้เตรียมอพยพกันไปหาที่อยู่ใหม่กันได้แล้ว เมืองหลวงแห่งใหม่ของชาวไทย จะอยู่ติดกับ จังหวัดสุโขทัย พิษณุโลก และ เพชรบูรณ์ เพราะแผ่นดินไทยใหม่ จะกลายเป็นชายทะเลเสียมาก
 
- ท่านวัชรธรรม (พระถิรธมโม) เคยจำวัดอยู่ที่ "ค่ายปฏิบัติธรรม อัครเบญจพล" อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ปัจจุบันออกธุดงค์

12. ข้อมูลจากคำพยากรณ์ของ นายมาศ เคหาส์นธรรม เจ้าของฉายา ซินแสไฮเทค

• “ซินแสไฮเทคเผย ดวงปีมะโรง 2555 เป็นปี มังกรคะนองนํ้ามีฟ้าเป็นพลังธาตุนํ้า จะส่งผลไม่ดี ตั้งแต่กลางปี จะเกิดภัยธรรมชาติหลากหลาย โดยเฉพาะ ภัยจากนํ้า จะหนักกว่าปี 2554 อาจเกิดสึนามิถล่มฝั่งอ่าวไทย ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจยังแย่ การเมืองขัดแย้งรุนแรง ปี 2555 ภัยจากนํ้าจึงน่ากลัวกว่าปี 2554 เนื่องจากมี พลังฟ้าเป็นธาตุนํ้า พลังดินเป็นคลังนํ้า เป็นซุปเปอร์นํ้า ที่ในรอบ 60 ปี จะเกิดขึ้นครั้งหนึ่ง
 
เหตุการณ์ในปี 55 นี้ เรื่องที่ใหญ่ที่สุด ก็ยังคงไม่พ้นที่จะเกี่ยวกับ นํ้าขนาดใหญ่ เช่น คลื่นยักษ์สึนามิ พายุฝนฟ้าคะนองขนาดใหญ่ จำนวนหลายสิบลูก หรือ สตอร์มเซิร์จ ซึ่งจะสร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก เหตุเกิดจาก ด้านทิศใต้ของไทย แต่ครั้งนี้จะมาในฝั่งอ่าวไทย อาจส่งผลกับหลายจังหวัดชายฝั่ง โดยในเดือน ต.ค. จะเป็นเดือนที่วิกฤติเลวร้ายที่สุด ส่วนใน กรุงเทพฯ นํ้าจะยังมาก แต่นํ้าจะมาจากฝน ไม่ได้ไหลหลากมาจากทางเหนือ เหมือนปีนี้ จะเริ่มมีผลกระทบ ในครึ่งปีหลัง ตั้งแต่เดือน มิ.ย. ทั้งเหนือและใต้ วิกฤติหนัก นํ้าจะสร้างปัญหา
 
การเกษตร ระวัง โรคระบาดมากับนํ้า แรงงานประท้วง ชายแดนใต้ เกิดความรุนแรง ผู้นำจะถูกท้าทายอำนาจสารพัด
 
การลงทุน ทองคำ ราคาดี ตั้งแต่ต้นปี สามารถหาซื้อเก็บไว้ทำกำไรได้เลย โดยเดือน ม.ค. และ ต.ค. ราคาทองคำ จะพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ส่วนตลาดหุ้น จะย่ำแย่ ตั้งแต่ต้นปี แต่หลัง ก.พ. จะดีขึ้นบางจังหวะ และ ไปพุ่งทะยานขึ้น ในเดือน มิ.ย. จนถึงช่วง ส.ค. จะเริ่มดิ่งลง และ ไม่ดีไปจนถึงปลายปี
 
• 10-20 เมษายน 2555 กรุงเทพฯ ต้องจมสู่บาดาล คนกรุงเทพ ให้เตรียมตัวหนีตายได้ ตั้งแต่วันนี้ไป จนถึงปลายเดือนมีนาคมปี 55 เป็นจุดสูงสุด อย่าอยู่ที่กรุงเทพฯอีก จะมีอันตรายถึงชีวิต

12. ข้อมูลจาก คำพยากรณ์ของ โหรโสรัจจะ นวลอยู่

โหรโสรัจจะฯ พยากรณ์ว่า จะเกิด พายุโซนร้อนขึ้นที่จังหวัดทาง ภาคเหนือและอีสาน โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือน มกราคม กุมภาพันธ์ และ มีนาคม ปี 2555 ภัยพิบัติธรรมชาติปี 55 นี้ เป็นสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึง เพราะผิดฤดูกาล ทั้งสถานที่ และ ช่วงเวลา ถือว่า วิปริตอาเพศ สิ่งที่ตามมาจากพายุโซนร้อน คือ ปัญหานํ้าท่วม ซึ่งจะมารวดเร็วมาก และ มาแรง กินเวลานานถึง 3 เดือน ก่อให้เกิดความเสียหายมาก
 
จากนั้น เดือนมีนาคม ถึง เดือนธันวาคม นํ้าท่วม จะแผ่ขยายจากภาคเหนือ ลงไปทางภาคกลาง ภาคใต้ โดยความเสียหายครั้งนี้ จะก่อให้เกิดการสูญเสีย ทั้งคนและทรัพย์สินจำนวนมาก รวมถึง กรุงเทพฯ เจอภาวะนํ้าท่วมอย่างหนัก ด้วยเช่นกัน
 
สองเขื่อนใหญ่ แตก โดยเป็นคลื่นยักษ์ ถล่มสู่เบื้องล่าง ท่วมไร่นา ที่อยู่อาศัย สิ่งก่อสร้าง พื้นที่หลายตำบล และ หลายจังหวัดต้องเสียหาย ต่อเนื่องมาจนถึง กรุงเทพฯ มีคนล้มตายหลายหมื่นคน เกิดพื้นดินถล่ม และ ทรุดตัวไปทั่ว อาจต้องสูญเสียแผ่นดินแถบชายฝั่งทะเลอันดามัน ตั้งแต่จังหวัดระนองลงมา จมสู่ใต้ทะเล
 
สึนามิหนักกว่าเก่า มีสิทธิ ย้ายเมืองหลวง
 
ส่วนชายฝั่งทะเลภาคใต้ ตั้งแต่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา รวมถึง ฝั่งอ่าวไทย จะถูกคลื่นยักษ์สึนามิ ซัดถล่มครั้งใหญ่กว่าปี 2547 กวาดผู้คน ทั้งไทยและต่างชาติ จะเกิดนํ้าทะเลท่วมขัง ตามจังหวัดชายฝั่ง จนไหลเข้าสู่ภาคกลาง กรุงเทพฯ จะกลายเป็นทะเล ไม่สามารถดำเนินชีวิตปกติได้
 
นอกจากนี้ อาจเกิดแผ่นดินไหวใน กรุงเทพฯ ตึกสูงให้ระวัง เพราะเกิดพังทลายได้ ผู้คนจะเกิดความสูญเสียอย่างมาก เกิดแผ่นดินทรุด วิกฤตการเมืองแตกแยกรุนแรง เกิดจลาจล สงครามกลางเมือง
 
สงครามระหว่างสี จะรุนแรงขึ้น และ ลุกลามกลายเป็นสงครามชนชั้น ถึงขั้นคนจนอาจลุกขึ้นมาฆ่าคนรวย เกิดจลาจลใน กรุงเทพฯ และ ปริมณฑล เกิดการปะทะกัน ระหว่าง ผู้นำชุมนุม การค้าเสียหาย บุกยึดสถานที่ราชการ ทั้งระเบิด การเผาสถานที่สำคัญ และวัดวาอารามเก่าแก่คู่เมืองจนพินาศ เกิดเหตุการณ์นองเลือด ผู้มีอำนาจในแผ่นดิน ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และ อาจต้องใช้กำลังทหารมาแก้ไข และ เป็นหนทางนำไปสู่ การปฏิวัติรัฐประหารเหตุการณ์ที่สนับสนุน คือ การเกิดดาวมฤตยู ซึ่งเป็นดาวปฏิวัติ ดาวแห่งการเปลี่ยนแปลง ลอยอยู่เหนือฟ้า กลางศีรษะ อาจก่อให้เกิด การปฏิวัติรัฐประหาร
 
หนักถึงปีถัดๆไป 2556 และ 2557
 
ปัญหาความแตกแยกทางการเมืองของไทย จะกินเวลายาวนานไป จนถึง 2556 และ2557 นอกจาก ความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านแล้ว รัฐบาลเป็นศัตรูกับ ทั้งฝ่ายค้าน และ พรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งก็มีอำนาจต่อรองมาก ร่วมกันโกงชาติ ไม่แยแสประชาชน เกิดเป็นเผด็จการมาเฟียชั่วร้ายในรัฐบาล จนส่งผลให้เกิดความรุนแรงที่หนักที่สุด นับตั้งแต่เสียกรุงครั้งที่สอง
 
ดวงผู้นำในปี 55 เป็นดวงแตก คนทั้งประเทศสิ้นศรัทธา โดยเฉพาะ ในเดือนเมษายน 55
 
ดาวเสาร์ ซึ่งเป็นประมุขรัฐบาล เดินถอยหลัง และยังมี ดาวมฤตยู ดาวแห่งปฏิวัติรัฐประหาร โคจรในภพวินาศ ต่อราศีเมษ สะท้อนถึง การเสื่อมอำนาจของผู้นำ การเมืองเกิดความตึงเครียด เกิดการเดินขบวนต่อต้านรัฐบาล และ ส่อเค้าให้เกิดความเสื่อมอำนาจวาสนาของผู้ปกครองประเทศ อาจถึงขั้นต้องลี้ภัย
 
เศรษฐกิจ เข้าสู่ภาวะวิกฤตรอบใหม่ที่รุนแรง ตลาดหุ้น จะตกอย่างรุนแรง ธุรกิจที่ประสบปัญหา คือ ธุรกิจด้านการเงิน และ พลังงาน จะเกิดการขาดแคลน และ หายากมากขึ้น ที่ส่งผลต่อพลังงานไฟฟ้า ทำให้เกิด วิกฤตพลังงานครั้งใหญ่
 
ทองคำ ราคาวูบวาบ ทองคำ ในปี 55 จะมีการเก็งกำไรมาก ราคาขึ้นสูง และ จะตกลงอย่างรวดเร็ว
 
สหรัฐฯ เปิดศึก ตะวันออกกลาง จะเปิดศึกโจมตี ใช้กำลังทางทหารระหว่างกัน จนเกิดเหตุการณ์รุนแรงฉับพลัน บ้านเมืองพินาศวอดวายด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ประเทศที่จะสร้างปัญหา คือ สหรัฐฯ อังกฤษ อิสราเอล อียิปต์ ซีเรีย เยเมน ปาเลสไตน์ เกาหลีเหนือ และ รัสเซีย
 
หลังจาก ปี 2560 ไทย จะเจอแหล่งพลังงานนํ้ามัน และ ทองคำ ที่จะทำให้ ประเทศไทย มีฐานะที่ดีขึ้น มีความมั่นคงทางการเงิน และ ภัยพิบัติน้อยลงต้องทำบุญใหญ่ จะเป็นทางออกของประเทศไทย
 
โหรโสรัจจะฯ แนะนำว่าแม้ ประเทศไทย จะได้รับความเสียหายรุนแรง ในปี 2555-2557 แต่ก็ไม่นับว่าสูญสิ้นประเทศ เนื่องจาก ไทยมีพระสยามเทวาธิราชคุ้มครอง และ บุญบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเป็นสิ่งที่ช่วยบ้านเมืองไว้ได้ และ ทางออกที่จะช่วยแก้ได้ ก็คือ ให้คนไทยทำบุญ รักษาศีล 5 โดยทุกศาสนาต้องมาร่วมกันทำ ปัญหาจากหนักจะได้เบาลง

14. ข้อมูลจาก คำพยากรณ์โดย หมอช้าง ทศพร ศรีตุลา

หมอช้าง ได้พยากรณ์ว่า ปี 2555 ไทย ดวงเมืองแตกได้เวลากดปุ่ม รีเซตมีจุดอุบาทว์แรง และ น่ากลัวที่สุดในรอบ 30 ปี จับตาทั้ง ภัยธรรมชาติ และที่สำคัญ ภัยจากมนุษย์นำไปสู่ การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แรงกันอีกรอบ
 
ขณะที่ โลก โดนมหาภัยพิบัติทางธรรมชาติถล่ม
 
มี.ค. - เม.ย. 2012 เสี่ยง อีเวนต์ ล่ม ใครที่ต้องการ จัดอีเวนต์ หรือ กิจกรรมการตลาด อาจต้องเลื่อน
 
• 7 ก.ย. 55 ดาวเสาร์ กลับมาที่จุด พินทุบาทว์หรือ ดวงแตก ภาษาทางโหราศาสตร์เรียกว่า พินทุบาทว์ (พินท+อุบาทว์) เป็นจุดอุบาทว์ ถ้าเป็นดวงมนุษย์ คือ ใครที่มีดาวแบบนี้เกิดขึ้น คือ ถือว่าเป็นดวงที่อันตราย อาจถึงตายได้
 
สภาพดวงแตก ยาวถึงสิ้นปี 2012 ก็จะเริ่มสาหัสแบบดับเบิ้ล ในปี 2012 เป็นปีที่เปลี่ยนแปลงแรงมาก
 
หมอช้าง กล่าวว่า เชื่อว่าทุกคนก็พอรู้แล้ว ในเรื่อง ดวงเมืองแตก ซึ่งดวงมีให้รู้ เพื่อทันเกม แต่ไม่ใช่รู้แล้ว จะเปลี่ยนได้หมด 100% เพราะยังคงอยู่ในโหมดแห่งความแรง เราต้องรู้เท่าทัน เพราะ สวรรค์ไม่ได้ให้เกมง่ายกับเรา

15. ข้อมูลจาก คำพยากรณ์ของ โหรภิญโญ พงศ์เจริญ

โหรภิญโญฯ ทำนายว่า ปี 55 ระวัง! นํ้าท่วม แผ่นดินถล่ม เผาเมือง โรคระบาด มาครบ หนักสุดในเดือนกันยายน ถึง พฤศจิกายน 55 มีทั้ง แผ่นดินไหว ดินถล่ม และ ไฟ อันเกิดจากฝีมือมนุษย์ ปัญหาแย่งอาณาเขต อาจถึงขั้นสู้รบ
 
วิกฤตเศรษฐกิจ โครงการลงทุนขนาดใหญ่ รัฐบาลวุ่น ประชาชนเดือนร้อนไปทั่ว ทั้งปัญหาปากท้อง โรคระบาด ครอบครัวแตกแยก จะส่งผลยาวข้ามไปถึงปี 56
 
พฤษภาคม - มิถุนายน 2555 จะมีเรื่องของอุบัติภัย ที่เกิดจากแผ่นดิน จะเกิดแผ่นดินทรุด แผ่นดินไหว จนส่งผลต่อตึกรามบ้านช่องพังทลาย โดยเฉพาะ ในเดือนพฤษภาคม และมิถุนายน ต้องระวังเป็นพิเศษ จะเกิดความรุนแรง และ ผลกระทบจะกินเวลานาน และ เกิดผลกระทบเกี่ยวกับเรื่องนํ้า อุบัติเหตุเกี่ยวกับเรื่องนํ้า ทรัพยากรนํ้ามีปัญหามาก แล ะเป็นเรื่อง
เกี่ยวกับคู่สัญญา อาจเกิดปัญหาถึงเรื่อง ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ ความขัดแย้งเกี่ยวกับน่านนํ้า
 
กรกฎาคม - พฤศจิกายน 2555 จะมีอุบัติภัยเกี่ยวกับ แผ่นดินไหว สร้างปัญหากินเวลายาวหลายเดือนมาก ในด้านการคมนาคม ปัญหาโรคภัยไข้เจ็บ เรื่องของการสาธารณสุข การป้องกันประเทศ
 
กันยายน - เดือนพฤศจิกายน 55 ระวัง พายุซัด-นํ้าถล่ม จะเกิดความสูญเสียเกิดขึ้น จนส่งผลกระทบต่อประเทศชาติ และ การเมือง ปัญหานํ้าท่วม จะเริ่ม ตั้งแต่สิงหาคม 2555 รุนแรงมาก ในเดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2555
 
เนื่องจาก ดาวมฤตยู อยู่ใน ราศีธาตุนํ้า กินเวลาถึง 7 ปี เต็ม ปัญหาอุทกภัยเกิดขึ้นมาแล้ว 3 ปี และ ยังคงจะต้องเกิด อุทกภัยต่อเนื่องไปในอนาคตอีก 4 ปี (2555 – 2558)
 
เหตุการณ์ทางการเมือง ในปี 2555 จะเกิดความรุนแรง มากกว่าปี 2554 รัฐบาลใช้งบประมาณสิ้นเปลือง จนก่อให้เกิดหนี้สิน เกิดการสูญเสีย ปัญหาคอรัปชั่นแก้ไม่หมด และรุนแรงขึ้น ปัญหาจะรุมเร้าหนัก ในช่วงเดือนกันยายน 2555 เป็นต้นไป

16. ข้อมูลจาก เรื่องที่เกี่ยวกับดาวนิบิรุ

เป็นดาวปริศนาดวงที่ 12 ของระบบสุริยะจักรวาล นักวิทยาศาสตร์ ได้ค้นพบ ดาวดวงที่ 12 เข้ามาอยู่ในระบบกาแล็คซี่ทางช้างเผือก แต่ความเป็นจริง นักดาราศาสตร์ รู้จักดาวนี้มาตั้งแต่ปี 1982 แล้วซึ่งเป็นข่าวใหญ่โตมาก ในช่วงเดือนพฤษภาคม 1982 (พ.ศ.2525)
 
ดาวดวงนี้ เดิมไม่ได้อยู่ในระบบกาแล็คซี่ทางช้างเผือก มาก่อน แต่แล้วก็ปรากฏว่า มีวงโคจรกว้างใหญ่ไพศาลมาก จนมาทับซ้อนลงบนกาแล็คซี่ทางช้างเผือก และ มีบางคนว่า มีแนวโน้มจะเข้ามาในวงโคจรของโลกด้วย
 
มีคนเชื่อว่า แกนของดาวนิบิรุ มีสนามแม่เหล็กอยู่ อาจจะทำให้โลกเกิดสภาพอากาศแปรปรวน เกิดภัยพิบัติธรรมชาติ เกิดภาวะนํ้าขึ้นลงกะทันหัน เกิดพายุต่าง ๆ และ มีการคาดการณ์ไว้ว่า ในปี 2012 เราอาจจะเห็น ดาวนิบิรุ ใหญ่ขนาดดวงอาทิตย์ได้ เพราะมันเข้าใกล้เรามาก ทำให้โลกเกิดการขาดสมดุลทางด้านแรงโน้มถ่วง และ ทำให้โลกเราอาจจะเกิดการเปลี่ยนวงโครจรได้
 
ข้อมูลที่ยังขัดแย้งกันอยู่ คือ บางแหล่งบอก เป็นดาวฤกษ์ และ บางแหล่งว่า เป็นดาวเคราะห์ หรือ เป็นเพียง อุกกาบาตยักษ์ เท่านั้น

17. ข้อมูลจาก อาจารย์สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา

อาจารย์ สุมิตรฯ เป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญไฮโดรเจน จากองค์การนาซ่า และ เป็นผู้บุกเบิกรถยนต์ Hydrogen ในประเทศไทย ด้วยวิธีการใช้ไฟฟ้าแยกนํ้าที่มีประสิทธิภาพสูง อาจารย์ สุมิตรให้ข้อมูลว่า ในค.ศ. 2012 โลก กำลังจะเกิดหายนะขึ้นจากอุทกภัยนํ้าท่วมใหญ่ อย่างแน่นอน ท่านยืนยันด้วยว่า มนุษย์ต่างดาว นั้นมีจริง ปัจจุบันมี มนุษย์ต่างดาว มาทำงานร่วมกับ องค์การ NASA โดยสื่อสารทาง โทรจิตในการถ่ายทอดความรู้ทางเทคโนโลยี เพื่อช่วยมนุษย์จากอุทกภัยนํ้าท่วมใหญ่ ในค.ศ. 2012
 
ท่านบอกว่า มนุษยโลก สามารถติดต่อกับ มนุษย์ต่างดาว มานานแล้วโดยทาง โทรจิตแต่ทาง สหรัฐอเมริกานั้นค่อนข้างปกปิดเรื่องนี้ ทำให้คนส่วนมากในโลกไม่รู้ ในเมื่อไม่รู้ ก็จะมองว่าเรื่อง มนุษย์ต่างดาว เป็นเรื่องเหลวไหล
 
ท่านว่า คนไทย น่าจะเลิกทะเลาะกันได้แล้ว ในค.ศ. 2012 นั้น เป็นวันหายนะที่ร้ายแรงมาก ไม่งั้น มนุษย์ต่างดาว คงไม่มาทำงานร่วมกับองค์การ NASA เพื่อช่วยในการสร้างยานอพยพผู้คนในครั้งนี้เป็นแน่
 
ผู้ให้ข้อมูลแจ้งว่า ถ้าไม่แน่ใจ ลองหาข้อมูลของ อาจารย์สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา ใน Google ก็ได้

18. หลายคนอ้างว่า เป็นข้อมูลได้มาจาก นาซ่า

ว่าในปลายปี 2012 - 2013 ทาง NASA ได้คำนวณไว้ว่า
 
- ระบบอิเล็กโทรนิคจำนวนมาก จะทำงานผิดปกติ (ระบบขีปนาวุธ , ระบบนำร่อง ,  ระบบสื่อสาร และ ระบบ computer) จะเกิดความเสียหายจาก พายุสุริยะ
 
- การอพยพของฝูงสัตว์ เช่น นก สัตว์ทะเลนํ้าลึก หรือ ปลาวาฬ จะหลงทิศทางมากขึ้น เพราะ สนามแม่เหล็กโลกแปรปรวน
 
- ระบบภูมิคุ้มกันโรค ในบรรดาสัตว์ รวมถึง มนุษย์จะอ่อนแอลงอย่างมาก
 
- ภูเขาไฟ จะมีการประทุเพิ่มขึ้น เกิดการเคลื่อนที่ของเปลือกโลกจะเคลื่อนที่เร็วขึ้น จะมีแผ่นดินไหว และ แผ่นดินถล่ม มากขึ้นกว่าทุกปีที่ผ่านมาในอดีต
 
- สนามแม่เหล็กโลก (Magnetosphere) จะอ่อนแอลง และ การแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์ จะเพิ่มปริมาณถึงระดับอันตราย ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังตามมา ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ เเละ ในที่สุด สัตว์ต่างๆ และ มนุษย์ ก็จะตายจากความแปรปรวนของธรรมชาติ จำนวนค่อนข้างมาก

19. ข้อมูลจาก คำทำนายของ หลวงปู่สรวง (เทวดาเล่นดิน)

ท่านบอกให้บรรดาศิษย์ที่ใกล้ชิดทราบว่า พญานาค จะกวาดหางนำนํ้าทะเลขึ้นมาล้างโลก ในปี พ.ศ.2555 จะทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องตาย ในครั้งนี้

20. ข้อมูลจาก คำตอบของ พระอาจารย์เกษม อาจิณฺณสีโล
 
ท่านพูดเปรยๆ ว่าในปี 2555 ไทย จะขาดแคลนนํ้าจืด (เพราะนํ้าจืดไม่มี มีแต่นํ้าเค็ม) ในช่วงนั้น คนรอดก็เยอะ คนตายก็แยะ

21. ข้อมูลจาก คำเตือนของ ปู่อินทร์ตาทิพย์ เขาตำแย อายุ 109 ปี

หลวงปู่ บอกว่ าภัยพิบัติ ในปลายปี 2555 ต่อเนื่องปี 2556 เหตุการณ์จะรุนแรงมาก ด้วยเหตุ 3 อย่าง
 
- ประการแรก บ้านเมือง จะลุกเป็นไฟ
- ประการที่สอง พายุ จะถล่มเมืองไทย
- ประการที่สาม นํ้าท่วม ครั้งใหญ่ที่สุดในโลก หลายๆประเทศ จะต้องเกิดเหมือนกัน จะรุนแรงไปเรื่อยๆ ผู้คนจะตายมากเป็นประวัติการณ์ ผู้คนจะเหลือแค่ 30% ของประชากรในที่นั้นๆ
 
หลวงปู่ ท่านว่า นี่แหละกลียุค เหตุดังกล่าวจะเบาลง และสิ้นสุดปี 2560 ผู้คนที่รอดพ้นจากภัยพิบัติส่วนใหญ่ คือ ผู้ที่ดำรงชีวิตอยู่ในศีลธรรม กตัญญูต่อบิดามารดา ละอายแก่บาป และ จะเป็นผู้รู้ในกิเลส และ ผู้ตื่นจากกิเลส สุดท้ายก็ไกลจากกิเลสได้
 
ส่วนเส้นทางหลบหนี หลวงปู่ บอกว่า ผู้คนจะหนีมุ่งหน้าไปทางถนนมิตรภาพ และ รถจะติดมาก ผู้คนต่างแย่งกันโกลาหล และสุดท้าย หางแถวจะหนีไม่รอด ท่านว่า ไปทางเหนือก็ได้
 
สระบุรี ตั้งต้นที่ องค์พระนั่งสูง ตรงนั้น แผ่นดินจะยุบตัวลง เพราะข้างล่างเป็นบ่อนํ้าใต้บาดาล ส่วนถนนที่พอจะรอด ก็คือ กบินทร์-นครราชสีมา, นครนายก หรือ เส้นทางอื่นๆ ที่ไม่ใช่ ถนนมิตรภาพ

22. ข้อมูลจาก ข้อมูลของ หลวงปู่ประเสริฐ
 
ท่านฝากเตือนมาว่า เวลาของโลกมนุษย์เหลือน้อยแล้ว (ก่อน พ.ศ. 2560)

ท่านว่า ผู้คนจำนวนมากต้องตาย ตั้งแต่ พ.ศ. 2545 แต่ที่มันไม่เกิด ก็เพราะว่ามี พระผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ หลายท่าน รวมไปถึง เทวดาผู้รักษาโลกมนุษย์ ช่วยกันอธิษฐานจิต ให้เหตุการณ์ผ่านพ้นไปก่อน ซึ่งในความเป็นจริง มันได้แค่เลื่อนออกไปเท่านั้น ยังไงๆ เหตุการณ์ภัย
ธรรมชาติใหญ่ และ ความหายนะครั้งใหญ่ ต้องเกิดขึ้นแน่นอน
 
นับแต่เวลานี้ แรงอธิษฐานมันหมดกำลังลงแล้ว และ จะไม่สามารถอธิษฐานเลื่อนได้อีกแล้ว
 
หลวงปู่ ท่านว่า ต่อจากนี้ไป ภัยธรรมชาติ และ ความหายนะครั้งใหญ่ จะค่อยๆ ปรากฏตัวเพิ่มมากขึ้นๆ และมากขึ้น โดยเริ่มทีละน้อย และ จะค่อยๆ ทวีความรุนแรงขึ้น สารพัดภัยธรรมชาติ ไม่ว่าแผ่นดินไหว, พายุ, ภูเขาไฟระเบิด, นํ้าทะเลสูงท่วมแผ่นดิน, หมู่เกาะทั้งหมดจะจมใต้ทะเล และ สารพัดเรื่องจะประดังเข้ามา ฯลฯ ทุกอย่างจะจบสิ้นในปี พ.ศ. 2560 มนุษย์ที่ศีลไม่ครบ จะถูกภัยธรรมชาติใหญ่ คร่าชีวิตทั้งหมด และ มนุษย์ที่รอดชีวิตนั้น มีไม่กี่คนเท่านั้น และ คนที่รอดชีวิตส่วนมาก จะเสียสติไปเลย เพราะตกใจกับเหตุการณ์แบบสุดชีวิต
 
หลวงปู่ บอกว่า เอายังงี้ละกันนะ คนจะตายกันเกือบหมดโลกเลย แต่ ประเทศไทย จะเหลือมากที่สุด คือ รอด ประมาณ 30 % ของประชากรไทย ไปคำนวณกันเอาเอง พูดง่ายๆ ตายเกือบหมดประเทศ นั่นแหละ จะเหลือแค่คนมีศีลธรรมจริงๆ เท่านั้นเอง
 
หลัง ปี พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป มนุษยชาติจะเข้าสู่ยุคใหม่ เรียกว่า ยุคศิวิไลซ์ เนื่องจาก คนไทยจะเหลือมากที่สุด (30 %) ต่อไป ประเทศไทย จะได้เป็น มหาอำนาจ และ เป็นศูนย์กลางของโลก เมื่อเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ ผู้คนยุคนั้น จะเปลี่ยนทัศนะคติ ในการดำเนินชีวิตใหม่ทั้งหมด ในยุคนั้น ผู้คนจะไม่สนใจเงินทอง แต่จะมาแข่งขันในเรื่องของการบำเพ็ญบุญ

23. ข้อมูลจาก โครงการ HAARP

อาวุธ ที่ทรงอิทธิพลต่อชั้นบรรยากาศใกล้โลก ด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง
 
ผู้นำเวเนซุเอลา กล่าวหา สหรัฐอเมริกา ว่าเป็นต้นตอของหายนะ ในเฮติ จากการทดสอบอาวุธ อันก่อให้เกิดแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรง ที่คร่าชีวิตพลเรือน นับแสนคน
 
โครงการ HAARP (High Frequency Active Auroral Research Project) คือ ศูนย์วิจัยไอโอโนสเฟียร์ ในมลรัฐอลาสกา ที่รัฐบาลสหรัฐ ในสมัยประธานาธิบดีบุ๊ช อ้างว่า ไม่ใช่อาวุธ เป็นเพียงเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ธรรมดา ไม่มีความน่ากลัวอะไร มีจุดมุ่งหมายสำรวจทรัพยากรชั้นบรรยากาศโลก เพื่อพัฒนาระบบสื่อสารผ่านดาวเทียม เท่านั้น
 
แต่ วิลเลียม โคเฮน อดีตรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ก็ได้เคยแสดงความกังวลต่อเครื่อง HAARP นี้ในกรณีที่มันสามารถก่อ ความเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ จุดชนวนแผ่นดินไหว และ ทำให้เกิดการปะทุของภูเขาไฟ ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้
 
• HAARP เป็นโครงการทดลองทางวิทยาศาตร์ของ รัฐบาลสหรัฐ เพื่อสร้างและควบคุมสภาพภูมิอากาศ โดยการยิงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่ขึ้นไปที่ ชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟี ยร์ แล้วให้สะท้อนกลับมายังพื้นผิวโลก ไปยังเป้าหมายที่ต้องการ รวมไปถึง ส่งพลังงานนั้น ลงไปสู่ชั้นหินใต้ดิน เพื่อก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือน หรือ ก่อให้เกิดแผ่นดินไหวได้ นั่นเอง
 
สมาชิกของคณะกรรมาธิการถึงสี่คณะ ของสภาสูงสุดรัสเซีย หรือ สภาดูม่า และ สมาชิกสภาทั้งหมด 90 ท่าน ได้เคยร่วมกันลงชื่อในรายงานเสนอต่อ ประธานาธิบดีวลาดีเมียปูติน สหประชาชาติ และ ประเทศสมาชิกองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ผู้นำและรัฐสภาทุกประเทศ องค์กรทางวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียง และ สื่อมวลชนชั้นนำของโลก เพื่อเรียกร้องให้ประชาคมโลก มีมติ ห้ามสหรัฐทดลองอาวุธ ที่มีแสนยานุภาพสูงนี้ ในรายงานนี้ ปรากฏ
ข้อความดังนี้

ภายใต้ โครงการฮาร์พ สหรัฐกำลังสร้างอาวุธใหม่ทางธรณีฟิสิกส์ ซึ่งอาจสามารถส่งอิทธิพลต่อชั้นบรรยากาศใกล้โลก ด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง"
 
" แสนยานุภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดนี้ อาจเปรียบเทียบได้กับ การเปลี่ยนแปลงจากอาวุธมีคม สู่อาวุธปืน หรือ จากอาวุธธรรมดาสู่อาวุธนิวเคลียร์ "
รายงานนี้ยังระบุอีกว่า สหรัฐกำลังสร้างอาวุธฮาร์พนี้ ในพื้นที่สามแห่ง แห่งแรกที่มลรัฐอลาสก้า สหรัฐอเมริกา แห่งที่สองที่กรีนแลนด์ และ แห่งที่สามในประเทศนอร์เวย์
 
รัฐบาลสหรัฐ ปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า ในการเปิดเผยข้อมูล และ ไม่อนุญาตให้องค์กรอิสระนานาชาติ เข้าไปตรวจสอบ โครงการฮาร์พ
 
ธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไป จนน่าตกใจในขณะนี้ ไม่ว่าจะมาจากเหตุผลใด แต่ที่แน่ๆ จากมนุษย์ทำลายธรรมชาติอย่างแน่นอน ตอนนี้ แม้ทุกฝ่ายจะเร่งแก้ปัญหา แต่เหมือนยิ่งแก้ก็ยิ่งเกิดทวีความรุนแรง แต่หารู้ไม่ว่า กรรมใดๆ ที่มนุษย์ก่อ ผลกรรมที่กระทำ ก็กระทบกับมนุษย์โดยตรง นั่นเอง การทำร้ายโลก จะสร้างความปลอดภัยให้โลก ได้หรือ?
 
นักวิทยาศาสตร์ตรวจพบ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (รังสีแกมม่า) นี้ได้ในบริเวณขั้วโลกเหนือ และได้พบว่า ปริมาณคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็ก ได้เพิ่มขึ้น ทั้งจำนวนความถี่ และ ความรุนแรง ท้องฟ้าในบริเวณขั้วโลกเหนือ ที่ปกติมืดมิดตลอดเวลาในช่วงฤดูหนาว ปัจจุบัน กลับมีแสงสว่างเกิดขึ้นเป็นประจำ นักวิทยาศาสตร์หลายฝ่าย เชื่อว่า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าลึกลับนี้ คือ ต้นเหตุของความวิปริตทั้งหมด ที่เกิดขึ้นตลอดเวลาที่ผ่านมา ทั้งนี้มีงานวิจัยของ กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐ ที่พบว่า อิทธิพลรังสีแกมม่า สามารถทำให้เกิดรูโหว่ ในชั้นโอโซน ฝนกรด และ การเกิดเมฆหมอกได้
 
ผลของงานวิจัยนี้ ได้ถูกยืนยันอีกครั้ง โดยการค้นพบของ ทีมนักวิทยาศาสตร์เยอรมัน จากสภาบันนิวเคลียร์ฟิสิกส์ แมกส์ แพลงค์ สถาบันเลื่องชี่อของโลก ไม่เพียงแต่ รังสีแกมม่า น่าจะเป็นสาเหตุของ การเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ เท่านั้น แต่ด้วยคุณสมบัติที่เป็น พลังงานแม่เหล็ก จึงส่งผลต่อ สนามแม่เหล็กโลก และ อาจสามารถกระตุ้นให้เกิด แผ่นดินไหว หรือ ภูเขาไฟระเบิด ได้อีกด้วย
 
ผลการศึกษาของ ทีมนักวิทยาศาสตร์ ประจำสภาบันภูมิฟิสิกส์ ประเทศจอร์เจีย จากการเก็บข้อมูลเปรียบเทียบ สรุปว่า ปฏิกิริยาระหว่าง โลกกับสนามพลังงานแม่เหล็ก เป็นปัจจัยหลักที่กระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหว ที่มีความรุนแรงสูงกว่า 6 ริกเตอร์ขึ้นไป คลื่นพลังงานแม่เหล็กเหล่านี้ มาจากไหน ?
 
มีนักวิทยาศาสตร์ส่วนหนึ่ง ที่เชื่อว่า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าปริศนานี้ มีที่มาจากในโลกนี้เอง และ เกิดจากการกระทำของมนุษย์ หลายฝ่ายชี้ชัดมายัง อาวุธในโครงการของกองทัพสหรัฐที่มีชื่อว่า ฮาร์พ HAARP
 
ฮาร์พ เป็นส่วนสำคัญในยุทธศาสตร์ การริเริ่มป้องกันทางทหารของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ หรือที่รู้จักกันในชื่อ โครงการสตาร์วอร์ ฮาร์พ ถูกริเริ่มขึ้นในยุคของ ประธานาธิบดีเรแกน โดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือ เพื่อศึกษา "การใช้ไอโอโนสเฟี ย (ชั้นบรรยากาศระดับสูง) เพื่อเป้าหมายของกระทรวงกลาโหม"
 
นายอีสแมน เจ้าของลิขสิทธ์ิเทคโนโลยีที่ใช้ในโครงการนี้ กล่าวถึง ฮาร์พ ว่า "สามารถรบกวนระบบโทรคมนาคมทั้งหมด ในพื้นที่ขนาดใหญ่มากบนโลก , เบี่ยงเบนทิศทาง หรือ ทำลายจรวดและเครื่องบิน , ปรับเปลี่ยนภูมิอากาศ...
 
ดอกเตอร์เมกิช นักวิทยาศาสตร์ผู้หนึ่ง ที่ติดตาม โครงการฮาร์พ อธิบายถึง การทำงานของอาวุธนี้ว่า ฮาร์พ "อาศัยเทคโนโลยี การส่งคลื่นวิทยุพลังมหาศาล เพื่อยกบริเวณชั้นบรรยากาศส่วนบน (ไอโอโนสเฟี ย) ของโลกขึ้น โดยเล็งพลังงานไปยังพื้นที่บนชั้นบรรยากาศ และ เผาบริเวณนั้น จนร้อนหลอมละลาย จนกลายเป็นเสมือนจานพลาสม่าขนาดยักษ์ ที่สามารถรับส่งคลื่นได้ จากนั้น คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ก็จะสะท้อนกลับมายังโลก และ ทะลุทะลวงทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต
 
สำนักข่าวรอยเตอร์ ได้เคยรายงานคำพูดของ นายวิเลียม โคเฮน อดีตรัฐมนตรี กระทรวงกลาโหมสหรัฐ ที่กล่าวถึง การก่อการร้าย ณ มหาวิทยาลัยจอร์เจีย ตอนหนึ่งมีใจความว่า "การป้องกันโดยใช้อาวุธที่ไม่ธรรมดา จะต้องมีเพิ่มมากขึ้น เมื่อกลุ่มผู้ก่อการร้าย พัฒนาอาวุธเคมีและเชื้อโรคได้ รัฐบาลก็ต้องใช้กรรมวิธีทางพลังงานแม่เหล็ก ที่สามารถเปิ ดรูโหว่ ในชั้นโอโซน หรือ กระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหว หรือ ภูเขาไฟระเบิดได้"
 
ในอดีต วุฒิสมาชิกจากรัฐโอไฮโอ นายเดนิส คูชินิช ได้เคยเสนอร่างกฎหมาย เลขที่ HR2977 ว่าด้วย การห้ามใช้อาวุธในอวกาศ ตอนหนึ่งของร่างนี้ กล่าวถึง "อาวุธทางภูมิอากาศ หรือ อาวุธที่กระตุ้นรอยเลื่อนของชั้นแผ่นดิน" เป็นไปได้หรือ ที่ผู้ที่เป็นถึงวุฒิสมาชิกสหรัฐ จะกล้าเสนอกฎหมายนี้ หากปราศจากหลักฐานข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการพัฒนาอาวุธเหล่านี้
 
นอกจาก มีบุคคลสำคัญ และ องค์กรของสหรัฐเอง มีการกล่าวถึง การพัฒนาและการทดลองอาวุธ ที่เปลี่ยนแปลงดินฟ้าอากาศแล้ว บุคคลสำคัญและองค์กรในระดับโลกต่างๆ ก็ได้เคยแสดงความกังวล เกี่ยวกับการใช้อาวุธนี้ด้วย
 
ที่ประชุมใหญ่ องค์กรสหประชาชาติ ก็ได้เคยมีการลงนามในอนุสัญญา "การห้ามใช้เทคโนโลยี การปรับเปลี่ยนดินฟ้าอากาศ เพื่อการทหารและการรุกราน ที่สร้างผลกระทบที่กว้างขวาง ยาวนาน และ รุนแรงแม้มีการลงนามไปก็ตาม สหรัฐ ก็พัฒนาโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อความได้เปรียบ ในการเป็นมหาอำนาจทางอาวุธต่อไป เรื่องเช่นนี้ จะมี
สักกี่คนที่ทราบเรื่อง หากมิใช่ ชาวอเมริกันที่รักสันติ แอบนำเรื่องนี้มาเปิดเผย ยากที่ประชาชนคนทั่วไปจะทราบได้
 
• HARRP นี้น่าจะมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดหายนะ และ ภัยพิบัติโลก ภายในปี 2012 – 2017 ได้ ถือว่ามนุษยชาตินี้เอง เป็นผู้ที่ก่อหายนะครั้งใหญ่ ให้แก่มนุษยชาติ

24. ข้อมูลจาก พระพรหมวชิรญาณ* (เจ้าอาวาสวัดยานนาวา)

เจ้าประคุณท่าน มีเมตตาเตือนให้ศิษยานุศิษย์ที่ใกล้ชิด ฟังว่า ในปี ๒๕๕๔ นี้เห็นว่า เป็นเพียงแค่การทดสอบเท่านั้น ความเสียหายที่ปรากฏ ยังถือว่าไม่มาก เมื่อเปรียบกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในปี ๒๕๕๕ ๒๕๕๖ ซึ่งจะหนักกว่าปี ๒๕๕๔ ทุกด้าน
 
ไม่เฉพาะเรื่อง ภัยธรรมชาติ เพียงอย่างเดียว เรื่องเหตุการณ์บ้านเมือง ก็สาหัส โดยเฉพาะในช่วงรอยต่อระหว่าง พ.ศ.๒๕๕๕ กับ พ.ศ.๒๕๕๖ ก็ต้องระวังให้มากๆ มิใช่พูดให้ตื่นตระหนก แต่ต้องการให้เตรียมใจเตรียมกายอย่างมีสติ เพื่อเผชิญสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจทำให้ได้รับความเสียหายอย่างมาก อีกครั้งหนึ่ง ทั้งในด้านชีวิต และ ทรัพย์สิน
 
ภัยพิบัติต่างๆ นั้นยังคงมีอยู่ต่อเนื่องไปอีก ๒ ปี คือ พ.ศ. ๒๕๕๖ และ พ.ศ.๒๕๕๗

25. ข้อมูลจาก ศิษย์อาจารย์สันทัด มูลเครือคำ สำนักปฏิบัติธรรม หมื่นครั้น จังหวัดลำปาง

ท่านได้ให้คำพยากรณ์ ก่อนปี 2545 โดย ลูกศิษย์และคนใกล้ชิดเท่านั้น ที่ทราบเรื่องดังกล่าว ท่านแจ้งให้ทราบว่า
 
ประเทศไทยจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น 3 เรื่อง คือ
 
1. จะเกิดความเปลี่ยนแปลง ทางด้านสภาพแวดล้อมอย่างรุนแรง ความเปลี่ยนแปลงอากาศ จะไม่เหมือนเดิม
2. จะเกิดศึกกลางเมือง
3. กรุงเทพ จะกลายเป็นทะเลสาบ
 
ศิษย์ผู้ใกล้ชิด ยืนยันว่า ท่านปฏิบัติจนได้ อนาคตังญาณแต่ท่านจะไม่พูดเรื่องดังกล่าวมากนัก ท่านเน้นสอนให้ลูกศิษย์ปฏิบัติ ให้ได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นหลัก แล้วจะรู้จะเห็นเอง

26. ข้อมูลจาก พระอาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐาน

ท่านพระอาจารย์ ได้กล่าวไว้ ในปี 2550 โดย ได้เตือนบรรดาศิษย์ที่ใกล้ชิดว่า ใน 5 - 6 ปีข้างหน้า (ประมาณปี 2555-2556) จะเข้าสู่ ยุคมิคสัญญี จะมีทั้ง แผ่นดินไหว นํ้าท่วม สึนามิ ความวุ่นวายทางการเมือง ข้าวยากหมากแพง ให้ศิษย์ทุกคนตั้งใจเร่ง การปฏิบัติธรรม และ ฝึกความมีสติอย่างจริงจัง และ ภัยพิบัตินั้น ก็จะเกิดต่อไปเรื่อยๆ จนถึงประมาณ ปี 2560 อาจจะเป็นปีที่หนักที่สุด จากนั้น ภัยพิบัติจึงจะเบาบาง แต่จะหมดไปก็ต้องพ้นปี 2562 ไปก่อน

27. ข้อมูลจาก อ. คณานันท์ ทวีโภค อ.สอนสมาธิ และ หัวหน้ากลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ

อ.คณานันท์ฯ เตือนให้เตรียมกาย เตรียมจิต ก่อนภัยพิบัติครั้งใหญ่ การเตือน คือ การให้สติ เป็นการยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม แต่การเสพข่าวสาร และ การจำแนกข้อมูล จำเป็นที่ต้องใช้วิจารณญาณของแต่ละบุคคล ตอนนี้มีข่าวสารที่จะเตือนเพิ่มขึ้นมาจากหลายแหล่งมาก จนกระทั่งหลายคน อาจสับสนบ้าง ตื่นกลัวบ้าง ขอเน้นยํ้าเช่นเดิมว่า ให้เราสาวไปหาเหตุ ว่าทำไมจึงเกิดภัยพิบัติ และ เราจะพบทางรอดจากภัยพิบัติ
 
เมื่อเขาต้องการล้างคนชั่ว คนอกุศล ออกไปจากโลก เราก็พึง ปฏิบัติจิต รักษาใจเราให้ เป็นกุศล ผ่องใส การเตรียมจิตสำคัญที่สุด จิตเมตตา จิตผ่องใส จิตมั่นคงในพระรัตนตรัย จิตแนบในพระนิพพาน
 
สำหรับคนที่ยังไม่ตื่นจากภายใน ก้าวเข้าสู่ทาง แห่งธรรม แห่งกุศล มีเวลาอีก สองเดือนเท่านั้น คือ ไม่เกิน มีนาคม 55 คนที่เข้ามาทีหลัง แต่หากมีกุศล ก็จะก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่พบเจอจริงๆ จากการสอนสมาธิ
 
ความก้าวหน้าของเก่ากลับมากันเร็วมาก ส่วนคนที่ไม่เข้าสู่ทางบุญทางกุศล ด้วยวิบากมาขวาง ก็คงไม่อาจรอดได้ แม้จะเตรียมวัตถุข้าวของมากมายเพียงใดก็ตาม ขอยํ้าว่า การเตรียมจิต สำคัญที่สุด และ สำหรับท่านที่ปฏิบัติธรรมอยู่แล้ว ก็ขอให้เร่งทำจิตให้ผ่องใส ละ เลิก สนใจ จริยาผู้อื่น การเพ่งโทษ ตำหนิ ติเตียน ผู้ใด ให้ใจตนเองมีตำหนิ เศร้าหมอง อกุศล สิ่งใดที่นอกจาก แนวทางแห่งสัมมาทิฐิ ก็ขอจงระมัดระวังให้มาก อย่าได้เขวไป ชาวธรรมะที่จะรอดได้ ก็เหตุแห่งกุศล พอเหมาะพอเจาะ ที่เราไปทำบุญ ไปปฏิบัติธรรมพอดี จึงรอดไปด้วยธรรมจัดสรร ช่วงเดือนนี้ ไปจนถึง เมษายน 55 หากมีโอกาสไปทำบุญ จงเดินทางไปกับกัลยาณมิตร ถึงเวลา คนดีจะมารวมกลุ่ม แยกไปจากคนชั่ว คนชั่วใจบาปอกุศลก็จะมารวมกัน ภัยพิบัติก็จะมาล้างอย่างไม่ทันรู้ตัว วาระนี้ ขอให้ท่านเจริญอุเบกขา กำหนดปลงพิจารณาใน กรรมของโลก ช่วยตามวาระแห่งกุศล
 
ท่านผู้ได้อภิญญา เด็กอภิญญาที่เชียงใหม่ ได้เล่าให้ฟังว่า พระท่านยังไม่ให้ใช้อภิญญา เพราะเราไม่อาจไปช่วยผู้ที่มีกรรมจะถูกล้างไปได้ เพราะเป็นการละเมิดกฎของกรรม ทำให้กระแสกรรมเปลี่ยนแปลงไป ต้องเคารพกฎของกรรม พระเถระผู้ทรงอภิญญา ท่านก็เมตตา สอนให้รักษาจิตใจเราให้ผ่องใสเอาไว้ หน้าที่เราทุกคนขณะนี้ คือ รักษาจิตให้ผ่องใสในทุกลมหายใจ ให้กุศลเป็นเครื่องคุ้มครอง สวดมนต์ ก็จงกำหนดว่า เราเข้าเฝ้าเคารพนบนอบในพระพุทธเจ้า ก่อนนอน ก็จงรำลึก ในอารมณ์พระนิพพาน แล้วท่านจะรอด หรือ ไปดีแน่นอน

จากข้อมูลที่มาจาก 27 แหล่งที่ค้นหามาให้ท่านทราบนี้ ก็เพื่อให้ท่านได้ เตรียมกาย และ เตรียมใจ ในการรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ใน 3 ปีข้างหน้านี้ คือ ปี 2555 – 2557 บางเรื่องเนื้อหาตรงกันบ้าง บางเรื่องแตกต่างกันบ้าง วันเวลาเท่านั้น จะพิสูจน์ได้ว่า ท่านใดทำนาย คาดการณ์ หรือ พยากรณ์ ได้ใกล้เคียงมากที่สุด หวังว่า หลังจากปี 2560 ทุกท่านที่ได้ทราบเรื่องนี้ ยังคงมีชีวิตอยู่เป็นส่วนใหญ่ ก็ขอให้ส่งข่าวกลับมาบ้าง พระพุทธศาสนาจะ
เจริญไปอีก 2,129 ปี เข้าสู่ราศีกุมภ์ (เอ็ดการ์ เคซีย์) หรือ ท่านได้รับข้อมูลที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ภัยพิบัติในอนาคต เหมือน หรือ แตกต่าง จาก 27 แหล่ง ที่ค้นหามาให้ท่านทราบนี้ ขอกราบรบกวนท่านช่วยส่งข้อมูลมาให้ข้าพเจ้า ได้ทราบที่ E-mail: mkrichti@gmail.com หรือ mkrichti_999@yahoo.com หรือ mkrichti_999@hotmail.com ด้วย จักขอบพระคุณยิ่ง
 
ขอให้ทุกท่าน มีความปลอดภัย มีความสุข สงบ สำเร็จ สมหวัง และ มีสันติในจิตใจ ของทุกท่าน  ด้วยความปรารถนาดี จาก นายมงคล กริชติทายาวุธ

คำอธิษฐานจิตประจำวัน

ขอเชิญชวนท่านใช้คำอธิษฐานจิตประจำวัน ดังนี้

ด้วยบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำไว้ดีแล้ว ขอให้ข้าพเจ้าสมปรารถนา ดังนี้
 
1. ขอให้ข้าพเจ้า เป็นผู้ที่ คิดดี พูดดี และ ทำแต่ความดี ด้วยความสุขที่ได้กระทำ และนำความสุขมาให้แก่ ครอบครัว และ สังคม จนสิ้นอายุขัยของข้าพเจ้า
2. ขอให้ข้าพเจ้า อุดมไปด้วย ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ รูปสมบัติ บริวารสมบัติ ปรารถนาสิ่งที่เป็นการเพิ่มบุญบารมี ขอให้สำเร็จเป็นอัศจรรย์โดยพลัน เทอญ
3. ในขณะกำลังจะหมดอายุขัย ขอให้ข้าพเจ้า มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ นึกถึงได้แต่ความดีที่ได้กระทำไปแล้ว และ ได้ไปอุบัติบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต
4. เมื่อข้าพเจ้า ต้องเกิดมาสร้างบารมีอีก ขอให้ข้าพเจ้า ระลึกชาติได้ รู้เป้าหมายของการเกิด และ ได้สร้างบุญบารมีที่บริสุทธ์ิ ทับทวียิ่งขึ้นไป
5. ขอให้ข้าพเจ้า มีดวงปัญญา สอนตัวเองให้ ละชั่ว ทำดี และ ทำจิตใจให้ผ่องใส ได้ตลอดเวลา จนสิ้นอายุขัยของข้าพเจ้า ด้วยเทอญ

คำอธิษฐานจิตที่กว้างขวาง

หากท่านพุทธศาสนิกชนท่านใด ทำกุศลผลบุญในครั้งใดแล้ว นำไปอธิษฐาน มีโอกาสได้สัมฤทธิผลสูง จึงขอนำมาฝาก ไม่แน่ใจว่า เป็นร้อยแก้วของท่านใด แต่ก็ต้องขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้

ข้าพเจ้า ขออาราธนาบารมีของ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระสาวก พระโพธิสัตว์ พระพรหม เทพยดา พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ และ ผู้มีพระคุณทุกท่าน จงมาสถิตอยู่เหนือเศียรเกล้าของข้าพเจ้า ขอให้คำอธิษฐานของข้าพเจ้า มีความศักด์ิสิทธิ์ มีสัมฤทธิผลทุกประการเทอญ
บุญกุศลที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญมา ในอดีตชาติก็ดี ในปัจจุบันชาติก็ดี และ ที่จะบำเพ็ญต่อไป จนกว่าที่จะถึงซึ่งพระนิพพานก็ดี ที่จะให้ผลแก่ข้าพเจ้าเพียงใด ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนั้น ให้แก่จิตวิญญาณทุกดวง ทั้งหมื่นโลกธาตุ แสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล ขอให้ท่านทั้งหลาย จงได้อนุโมทนาในกุศลผลบุญนั้น และ จงพลันบังเกิดเป็นเครื่องสักการะบรรณาการอันเป็นทิพย์ ที่ท่านยินดีพอใจ เป็นร้อยเท่าพันทวี ที่ท่านต้องการ
ขอให้ท่าน จงเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธรรมสารสมบัติ พิพัฒนมงคล สมบูรณ์พูนผล ด้วยลาภ ยศ สรรเสริญ สุข และ ท่านคิดปรารถนาสิ่งใดที่ดีงาม ขอจงได้สำเร็จสมความปรารถนา ทุกสิ่งทุกประการตลอดเวลา
ขออัญเชิญท่านได้โปรดสถิตอยู่ ในฐานะ บิดา มารดา ของข้าพเจ้า ช่วยบำรุงรักษาข้าพเจ้า ซึ่งอยู่ในฐานะบุตรของท่าน ให้ปราศจากภยันตรายใดๆ ที่จะมาแผ้วพาน ขอให้ข้าพเจ้า เจริญรุ่งเรือง ในทุกสิ่งทุกประการ จนกว่าจะเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน ในอนาคตกาลอันใกล้นี้ด้วยเทอญ
อนึ่ง บุญใดที่ท่านทั้งหลาย ได้บำเพ็ญมาทุกภพทุกชาติ ข้าพเจ้าขออนุโมทนา ขอให้ข้าพเจ้า ได้มีส่วนแห่งบุญนั้นทุกประการ เทอญ
สิ่งใดที่ข้าพเจ้า ได้เคยล่วงเกินท่านทั้งหลาย ด้วย กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ในอดีตชาติก็ดี ในปัจจุบันชาติก็ดี ข้าพเจ้า ขอกราบแทบเท้าขอขมา ขอท่านทั้งหลาย ได้โปรดเมตตา ยกโทษอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ด้วยเทอญ
สิ่งใดที่ท่านทั้งหลาย ได้เคยล่วงเกินข้าพเจ้ามา ในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี ข้าพเจ้า ขอยกโทษอโหสิกรรม ให้ทั้งหมดทั้งสิ้น
ขอท่านทั้งหลาย ได้โปรดช่วยเสริมพลังบารมีแก่ข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้า คิดจะประกอบกิจการอันใด ที่ไม่ผิดทำนองคลองธรรม ขอให้พลันสำเร็จ พลันสำเร็จ และ พลันสำเร็จ เป็นอัศจรรย์เหนือมนุษย์ทั้งปวงด้วย เทอญ
ขออัญเชิญ พระศรีอาริย์ เจ้าแม่กวนอิม พระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬ ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 แม่พระธรณี แม่พระคงคา แม่พระเพลิง แม่พระพาย พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย เทวดาทั้งหลาย นายนิริยบาลทั้งหลาย ท่านผู้มีตาทิพย์ หูทิพย์ ใจทิพย์ ทั้งหลาย ท่านผู้มีวิชชาสาม อภิญญาหก ปฏิสัมภิทาทั้งหลาย จงมารับเอาส่วนกุศล และ เป็นพยาน ในการ
สร้างกุศล และ อุทิศส่วนกุศล พร้อมทั้งนำข่าว คำอธิษฐานของข้าพเจ้านี้ ไปบอกกล่าวแก่สรรพสัตว์ ให้รู้ทั่วหน้ากัน ทุกภูมิ ทุกชั้น และ ช่วยทำคำอธิษฐานนี้ให้เป็นจริงด้วย เทอญ

ท่านที่ต้องการ PowerPoint ชุดนี้ โหลดได้จากบทความในเว็บไซต์ Mongkoldham.com ตอนที่ 944
ด้วยความปรารถนาดี จาก อ.มงคล กริชติทายาวุธ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น